เวย์น รูนีย์ พัง 2 ประตูช่วยให้ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ โชว์ฟอร์มหรูเผาเครื่อง สโลวะเกีย 4-0 ณ สนามเวมบลีย์ ในแมตช์กระชับมิตร เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระดับทีมชาติ
อังกฤษ 4-0 สโลวะเกีย
อังกฤษ ของกุนซือ ฟาบิโอ คาเปลโล หมดสิทธิ์ใช้งาน ชอว์น ไรท์ ฟิลลิปส์ ปีกตัวจี๊ดเนื่องจากอาการบาดเจ็บจึงจัดการส่ง อารอน เลนนอน ลงลากเลื้อยแทนเพื่อเปิดบอลให้ เวย์น รูนีย์ และ เอมิล เฮสกีย์ สองหัวหอกของทีม ขณะที่ สโลวะเกีย มี มาร์ติน สเคอร์เทล ปราการหลังตัวเก่งจากค่าย ลิเวอร์พูล เป็นตัวชูโรง และมี โรเบิร์ต วิตเท็ก ดาวยิงจากลีลล์ในฝรั่งเศสเป็นตัวความหวัง
เริ่มเกมครึ่งแรกมาเพียง 7 นาที เจ้าถิ่นทำประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ รูนีย์ จ่ายบอลต่อให้ เจอร์ราร์ด หลุดขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนเปิดบอลเข้ากลางและเป็น เฮสกีย์ จัดการส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายเป็นประตูแรกในรอบ 6 ปีของดาวยิงรายนี้ ช่วยให้สกอร์ขยับ 1-0
อีกสองนาทีต่อมา รูนีย์ หลุดมาทางซ้ายอีกครั้ง ก่อนเปิดมาให้ เฮสกีย์ เข้าชาร์ตเหินข้ามคานออกไป แต่มาถึงนาที 15 ดาวยิงผิวเข้มมีอันต้องถูกเปลี่ยนตัวออกหลังมีอาการบาดเจ็บโดย คาร์ลตัน โคล ศูนย์หน้าจากเวสต์แฮม ลงสนามมาแทน
ด้าน สโลวะเกีย ครองบอลมากกว่าแต่ต้องรอถึงนาที 29 จึงมีลุ้นทำประตูแบบชัดเจนครั้งแรกของเกมจากจังหวะลูกเตะมุมสั้น ก่อนที่บอลจะมาถึง มิโรสลาฟ คาร์ฮาน สับไกยิง แต่ถูก เจมส์ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม อีก 4 นาทีต่อมา เจอร์ราร์ด ขโมยบอลได้จาก สเคอร์เทล เพื่อนร่วมสโมสร ก่อนหลุดเข้าไปยิงแต่พลาดไปเล็กน้อย
เกมมาถึงนาที 35 คาร์ลตัน โคล ที่เพิ่งลงสนามมาก็ดันมาเจ็บอีกคนทำให้ คาเปลโล เปลี่ยนตัว ปีเตอร์ เคราช์ ลงสนามแทน อีก 2 นาทีต่อมา แลมพาร์ด แย่งบอลจากคู่แข่งมาได้ก่อนจ่ายให้ เลนนอน ลุยขึ้นไปทางด้านขวาเปิดเข้ากลางให้ เจอร์ราร์ด ยิงแต่ถูกนายด่านคู่แข่งป้องกันได้ทำให้สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก อังกฤษ นำ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง "สิงโตคำราม" เปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายคนถอด เจอร์ราร์ด ออกพร้อมส่ง สจวร์ต ดาวนิง เช่นเดียวกับ เลนนอน ออกไปพักแทนทีด้วย เดวิด เบ็คแฮม รวมถึง เจมส์ ถูกเปลี่ยนออกพร้อมส่ง เบน ฟอสเตอร์ นายทวารจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงมาแทน
เกมมาถึงนาที 55 ทีมเยือนเกือบทำประตูตีเสมอ เมื่อ เอริก เยนดริเซก หลุดไปยิง แต่ทำได้เพียงเข้าข้างตาข่าย หลังจากนั้นเจ้าถิ่นเริ่มตั้งเกมได้โหมบุกอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดมาทำประตูหนีเป็น 2-0 ในนาที 70 จากจังหวะที่ เบ็คแฮม เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ รูนีย์ โขกเต็มๆเข้าประตูไป
หลังเสียประตู กองหลังทีมเยือนชักสมาธิเสียจนมาโดนอีกประตูอีกในนาที 82 จากการยิงหักข้อของ แลมพาร์ด ให้สกอร์ขยับ 3-0 ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มิดฟิลด์จากเชลซีจะจ่ายบอลให้ รูนีย์ หลุดเข้าไปซัดอีกเป็นประตูที่สองของตัวเองพร้อมให้ อังกฤษ เอาชนะไปอย่างสวยหรู 4-0 หลังจบ 90 นาที
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์, แมทธิว อัพสัน, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, เกล็น จอห์นสัน, แกเร็ธ แบร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อารอน เลนนอน, เวย์น รูนีย์, เอมิล เฮสกีย์
สโลวะเกีย : สเตฟาน เซเน็คกี, มาร์ติน สเคอร์เทล, โยเซฟ วาลาโชวิช , มาเร็ก เช็ก, ปีเอร์ เปคาริก, มิโรสลาฟ คาร์ฮาน, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิก, โรเบิร์ต วิตเท็ก, แยน โคซัก, มาเร็ก ฮัมซิก, สตานิสลาฟ เซสตัก
ผลการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระดับทีมชาติ
อังกฤษ 4-0 สโลวะเกีย
อังกฤษ ของกุนซือ ฟาบิโอ คาเปลโล หมดสิทธิ์ใช้งาน ชอว์น ไรท์ ฟิลลิปส์ ปีกตัวจี๊ดเนื่องจากอาการบาดเจ็บจึงจัดการส่ง อารอน เลนนอน ลงลากเลื้อยแทนเพื่อเปิดบอลให้ เวย์น รูนีย์ และ เอมิล เฮสกีย์ สองหัวหอกของทีม ขณะที่ สโลวะเกีย มี มาร์ติน สเคอร์เทล ปราการหลังตัวเก่งจากค่าย ลิเวอร์พูล เป็นตัวชูโรง และมี โรเบิร์ต วิตเท็ก ดาวยิงจากลีลล์ในฝรั่งเศสเป็นตัวความหวัง
เริ่มเกมครึ่งแรกมาเพียง 7 นาที เจ้าถิ่นทำประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ รูนีย์ จ่ายบอลต่อให้ เจอร์ราร์ด หลุดขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนเปิดบอลเข้ากลางและเป็น เฮสกีย์ จัดการส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายเป็นประตูแรกในรอบ 6 ปีของดาวยิงรายนี้ ช่วยให้สกอร์ขยับ 1-0
อีกสองนาทีต่อมา รูนีย์ หลุดมาทางซ้ายอีกครั้ง ก่อนเปิดมาให้ เฮสกีย์ เข้าชาร์ตเหินข้ามคานออกไป แต่มาถึงนาที 15 ดาวยิงผิวเข้มมีอันต้องถูกเปลี่ยนตัวออกหลังมีอาการบาดเจ็บโดย คาร์ลตัน โคล ศูนย์หน้าจากเวสต์แฮม ลงสนามมาแทน
ด้าน สโลวะเกีย ครองบอลมากกว่าแต่ต้องรอถึงนาที 29 จึงมีลุ้นทำประตูแบบชัดเจนครั้งแรกของเกมจากจังหวะลูกเตะมุมสั้น ก่อนที่บอลจะมาถึง มิโรสลาฟ คาร์ฮาน สับไกยิง แต่ถูก เจมส์ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม อีก 4 นาทีต่อมา เจอร์ราร์ด ขโมยบอลได้จาก สเคอร์เทล เพื่อนร่วมสโมสร ก่อนหลุดเข้าไปยิงแต่พลาดไปเล็กน้อย
เกมมาถึงนาที 35 คาร์ลตัน โคล ที่เพิ่งลงสนามมาก็ดันมาเจ็บอีกคนทำให้ คาเปลโล เปลี่ยนตัว ปีเตอร์ เคราช์ ลงสนามแทน อีก 2 นาทีต่อมา แลมพาร์ด แย่งบอลจากคู่แข่งมาได้ก่อนจ่ายให้ เลนนอน ลุยขึ้นไปทางด้านขวาเปิดเข้ากลางให้ เจอร์ราร์ด ยิงแต่ถูกนายด่านคู่แข่งป้องกันได้ทำให้สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก อังกฤษ นำ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง "สิงโตคำราม" เปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายคนถอด เจอร์ราร์ด ออกพร้อมส่ง สจวร์ต ดาวนิง เช่นเดียวกับ เลนนอน ออกไปพักแทนทีด้วย เดวิด เบ็คแฮม รวมถึง เจมส์ ถูกเปลี่ยนออกพร้อมส่ง เบน ฟอสเตอร์ นายทวารจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงมาแทน
เกมมาถึงนาที 55 ทีมเยือนเกือบทำประตูตีเสมอ เมื่อ เอริก เยนดริเซก หลุดไปยิง แต่ทำได้เพียงเข้าข้างตาข่าย หลังจากนั้นเจ้าถิ่นเริ่มตั้งเกมได้โหมบุกอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดมาทำประตูหนีเป็น 2-0 ในนาที 70 จากจังหวะที่ เบ็คแฮม เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ รูนีย์ โขกเต็มๆเข้าประตูไป
หลังเสียประตู กองหลังทีมเยือนชักสมาธิเสียจนมาโดนอีกประตูอีกในนาที 82 จากการยิงหักข้อของ แลมพาร์ด ให้สกอร์ขยับ 3-0 ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มิดฟิลด์จากเชลซีจะจ่ายบอลให้ รูนีย์ หลุดเข้าไปซัดอีกเป็นประตูที่สองของตัวเองพร้อมให้ อังกฤษ เอาชนะไปอย่างสวยหรู 4-0 หลังจบ 90 นาที
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์, แมทธิว อัพสัน, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, เกล็น จอห์นสัน, แกเร็ธ แบร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อารอน เลนนอน, เวย์น รูนีย์, เอมิล เฮสกีย์
สโลวะเกีย : สเตฟาน เซเน็คกี, มาร์ติน สเคอร์เทล, โยเซฟ วาลาโชวิช , มาเร็ก เช็ก, ปีเอร์ เปคาริก, มิโรสลาฟ คาร์ฮาน, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิก, โรเบิร์ต วิตเท็ก, แยน โคซัก, มาเร็ก ฮัมซิก, สตานิสลาฟ เซสตัก