นายพงศ์โพยม วาศภูติ ได้รับความไว้วางใจให้นั่งแท่นนายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน หลังมีการประชุมหารือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2551 เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ห้องสกายรูม โรงแรมอเล็กซานเดอร์ ถ.รามคำแหง โดยมีวาระสำคัญ คือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่แทนชุดเดิม และเลือกนายกสมาคมฯ เพียงคนเดียว ซึ่งที่ประชุมมีการเลือกประธานชั่วคราว ได้แก่ นายเกรียงไกร นพสงค์
โดยสมาชิกสโมสรมาร่วมประชุม 40 สโมสรจาก 45 สโมสร มีกรรมการบริหารมา 18 คน จาก 19 คน รวมทั้งหมด 58 เสียง จาก 64 เสียง ซึ่งที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อ นายพงศ์โพยม วาศภูติ เพียงผู้เดียว ดังนั้นที่ประชุมทุกเสียงได้เทใจเลือก นายพงศ์โพยมให้นั่งเก้าอี้เหมือนเดิมเป็นสมัยที่ 2
หลังการเลือกตั้ง นายพงศ์โพยม ออกมาเผยกับสื่อ “คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นชุดเดิม อาจจะเปลี่ยนบ้างบางคนที่ไม่ค่อยมาร่วมการประชุม โดยให้ไปเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ แทน รวมทั้งจัดสตาฟฟ์ที่เข้มแข็งให้มีการทำงานเหมือนเดิม เท่าที่ผมได้ทำหน้าที่มา 2 ปี อาจจะไม่ดีมากเท่าที่ควร ซึ่งผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีกว่าเดิม เมื่อมีความจำเป็นและความเหมาะสม ถ้ามีบุคคลที่เหมาะสมอยู่ในกระทรวงมหาดไทย ผมก็จะถอยให้คนที่เหมาะสมกว่าทำหน้าที่ต่อไป อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ส่วน ในวันที่ 1 ต.ค.ถ้ามีปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่มาแทน นายวิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณอายุราชการ ถ้าคนๆ นั้นพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ผมพร้อมหลีกทางให้ เพราะผมไม่ได้มีตำแหน่งในราชการแล้ว ก็มีเวลาว่างที่จะทำงานเต็มที่
“ผมตั้งใจที่จะผลักดันกีฬาวอลเลย์บอลให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในร่มและชายหาด สำหรับนักเรียน อยากให้เด็กทุกคนเลือกเล่นลูกวอลเลย์บอลชายหาดกันทุกคน อีกอย่างเพื่อความเป็นเลิศ ผมจะพยายามส่งเสริมทีมชาติทุกชุดให้ดีที่สุด ทีมหญิงปัจจุบันอยู่ที่ 4 ต้องให้ได้อันดับ 3 เป็นเป้าหมายแรก ขณะที่ทีมชาย ต้องแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น ด้านวอลเลย์บอลชายหาดต้องเอาจริงเอาจัง เพื่อก้าวไปสู่ระดับอาชีพและระดับโลกให้ได้ ตอนนี้มีทั้งยุวชนและเยาวชนคอยเสริมทีมชาติอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีบุคลากรที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งผู้บริหาร, ผู้ตัดสิน, ผู้ฝึกสอน ทั้งนี้ทางสมาคมฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและเอเชีย มีคณะกรรมการที่เข้าไปอยู่ในสหพันธ์ จึงช่วยได้มาก ส่วนในเรื่องของวอลเลย์บอลลีกอาชีพ ทางสมาคมฯ จะเลียนแบบประเทศญี่ปุ่นที่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จ โดยส่งคนไปดูงานมาเรียบร้อย” นายกสมาคมลูกยางทิ้งท้าย
สำหรับงบดุลรายได้และรายจ่ายของสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยในปีที่ผ่านมานั้น มีรายได้ 52,255,140.02 บาท, รายจ่าย 50,139,258,23 บาท ทำให้สรุปงบดุลของสมาคมฯ มีรายได้มากกว่ารายจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 2,115,881.79 บาท
อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2551 เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ห้องสกายรูม โรงแรมอเล็กซานเดอร์ ถ.รามคำแหง โดยมีวาระสำคัญ คือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่แทนชุดเดิม และเลือกนายกสมาคมฯ เพียงคนเดียว ซึ่งที่ประชุมมีการเลือกประธานชั่วคราว ได้แก่ นายเกรียงไกร นพสงค์
โดยสมาชิกสโมสรมาร่วมประชุม 40 สโมสรจาก 45 สโมสร มีกรรมการบริหารมา 18 คน จาก 19 คน รวมทั้งหมด 58 เสียง จาก 64 เสียง ซึ่งที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อ นายพงศ์โพยม วาศภูติ เพียงผู้เดียว ดังนั้นที่ประชุมทุกเสียงได้เทใจเลือก นายพงศ์โพยมให้นั่งเก้าอี้เหมือนเดิมเป็นสมัยที่ 2
หลังการเลือกตั้ง นายพงศ์โพยม ออกมาเผยกับสื่อ “คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นชุดเดิม อาจจะเปลี่ยนบ้างบางคนที่ไม่ค่อยมาร่วมการประชุม โดยให้ไปเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ แทน รวมทั้งจัดสตาฟฟ์ที่เข้มแข็งให้มีการทำงานเหมือนเดิม เท่าที่ผมได้ทำหน้าที่มา 2 ปี อาจจะไม่ดีมากเท่าที่ควร ซึ่งผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีกว่าเดิม เมื่อมีความจำเป็นและความเหมาะสม ถ้ามีบุคคลที่เหมาะสมอยู่ในกระทรวงมหาดไทย ผมก็จะถอยให้คนที่เหมาะสมกว่าทำหน้าที่ต่อไป อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ส่วน ในวันที่ 1 ต.ค.ถ้ามีปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่มาแทน นายวิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณอายุราชการ ถ้าคนๆ นั้นพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ผมพร้อมหลีกทางให้ เพราะผมไม่ได้มีตำแหน่งในราชการแล้ว ก็มีเวลาว่างที่จะทำงานเต็มที่
“ผมตั้งใจที่จะผลักดันกีฬาวอลเลย์บอลให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในร่มและชายหาด สำหรับนักเรียน อยากให้เด็กทุกคนเลือกเล่นลูกวอลเลย์บอลชายหาดกันทุกคน อีกอย่างเพื่อความเป็นเลิศ ผมจะพยายามส่งเสริมทีมชาติทุกชุดให้ดีที่สุด ทีมหญิงปัจจุบันอยู่ที่ 4 ต้องให้ได้อันดับ 3 เป็นเป้าหมายแรก ขณะที่ทีมชาย ต้องแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น ด้านวอลเลย์บอลชายหาดต้องเอาจริงเอาจัง เพื่อก้าวไปสู่ระดับอาชีพและระดับโลกให้ได้ ตอนนี้มีทั้งยุวชนและเยาวชนคอยเสริมทีมชาติอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีบุคลากรที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งผู้บริหาร, ผู้ตัดสิน, ผู้ฝึกสอน ทั้งนี้ทางสมาคมฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและเอเชีย มีคณะกรรมการที่เข้าไปอยู่ในสหพันธ์ จึงช่วยได้มาก ส่วนในเรื่องของวอลเลย์บอลลีกอาชีพ ทางสมาคมฯ จะเลียนแบบประเทศญี่ปุ่นที่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จ โดยส่งคนไปดูงานมาเรียบร้อย” นายกสมาคมลูกยางทิ้งท้าย
สำหรับงบดุลรายได้และรายจ่ายของสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยในปีที่ผ่านมานั้น มีรายได้ 52,255,140.02 บาท, รายจ่าย 50,139,258,23 บาท ทำให้สรุปงบดุลของสมาคมฯ มีรายได้มากกว่ารายจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 2,115,881.79 บาท
