พีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าฯ กกท. เป็นประธานมอบเงินสนับสนุนทีมฟุตบอลอาชีพ 3 รายการ สโมสรไทยลีก รับสูงสุดทีมละ 6 แสนบาท เผยรัฐยังช่วยอีก 3 ปี สโมสรต้องเลี้ยงตัวเองได้
เมื่อเวลา 9.30 น. ของวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2552 ณ โรงแรมเรดิสัน กรุงเทพฯ มีการมอบเงินบำรุงทีมการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ รายการ ไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชัน 1 และ ดิวิชัน 2 โดยมี นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานกรรมการจัดการแข่งขันไทยลีก และ นายสรัญ รังคสิริ ผู้แทน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้งตัวแทนสโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมแข่งขันในฤดูกาลนี้
ซึ่งมีการลงบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กกท. กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่จะให้การสนับสนุนฟุตบอลลีกในประเทศไทยด้วยการมอบเงินจำนวน 70 ล้านบาท โดยจำนวนดังกล่าวจะเป็นเงินรางวัลสำหรับแชมป์ และอันดับอื่นๆ ในแต่ละลีก นอกจากนี้แต่ละทีมยังได้รับเงินสนับสนุนทุกทีม สำหรับ 16 ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับเงินบำรุงทีม ทีมละ 600,000 บาท ขณะที่ทีมจากดิวิชัน 1 รับทีมละ 300,000 บาท
นอกจากนี้ นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า "ปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่ กกท. ให้การสนับสนุนเรื่องเงินสำหรับฟุตบอลลีกในประเทศจากการเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี เราสนับสนุนกีฬาไทยมาโดยตลอด แต่เมื่อจบฤดูกาลนี้ก็เหลือระยะเวลาอีก 2 ปี ของสัญญาดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอนาคตข้างหน้า กกท. จะยังให้การสนับสนุนได้อีกหรือไม่ ดังนั้นสโมสรต่างๆ ในไทยลีก จึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองไปสู่สโมสรระดับอาชีพ เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ลำบากเมื่อเวลานั้นมาถึง"
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ที่รับหน้าที่ประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการดังกล่าว ยังฝากเตือนสมาชิกโดยเฉพาะในลีกสูงสุดว่า "นับตั้งแต่ฤดูกาลนี้เป็นต้นไป ขอเน้นย้ำให้ทุกสโมสรให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับ 2 สิ่ง คือ เรื่องสภาพความเรียบร้อยของสนามแข่งขัน คือ หากสภาพสนามย่ำแย่ การแข่งขันก็คงไม่สนุก และ เรื่องความปลอดภัยในสนาม ไม่ว่าจะเป็นของ ผู้เล่น ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ด้วย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง"
ขณะเดียวกัน ดร.วิชิต กล่าวต่อว่า "การแข่งขันฟุตบอลลีกปีนี้ผมอยากเห็นพัฒนาการที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องแฟนคลับ อยากเห็นทุกสโมสรเปิดเก็บเงินค่าเข้าชมอย่างจริงๆ จังๆ จะเก็บมาก เก็บน้อยก็ไม่ว่า ขอให้เริ่มต้นก่อน ให้คนไทยรู้ว่าการจะดูฟุตบอลอาชีพแข่งขัน ก็ต้องจ่ายเงินเข้าชมด้วย"
"ส่วนเรื่องเป้าหมายนั้นผมคิดว่าปีนี้การมีแฟนคลับทีมละ 2,000 คนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้าทุกทีมจะต้องมีถึง 5,000 คน ตามเงื่อนไข ซึ่งทุกทีมต้องเร่งสร้างแฟนคลับกันขึ้นมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้น่าจะมีคนไทยถึงจำนวนครึ่งประเทศอย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ชมไทยลีกฤดูกาลนี้ 1 นัด นั่นคือเป้าหมายของผม ให้เขาได้ทราบว่าตอนนี้เรามีลีกในประเทศที่น่าชมแล้ว จะชมถ่ายทอดสดทางเอ็นบีที 19 หรือว่าอาจจะมีฟรีทีวีถ่ายทอดสดบางนัด หรือหากจะมาชมที่สนามด้วยการซื้อตั๋วการแข่งขันก็ยิ่งดี" ดร.วิชิต กล่าว
