โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสรูปหล่อมือ 3 ของโลกชาวเซิร์บ ควงแขน แอนดี รอดดิก มือ 8 ของโลกชาวอเมริกัน แถลงข่าวแสดงความเห็นว่า โปรแกรมการแข่งขันในช่วงกลางคืน (Night Session) ทำให้นักเทนนิสได้นอนน้อยแค่วันละ 3-4 ชั่วโมง จึงนับเป็นการทำลายสุขภาพนักเทนนิสอย่างร้ายแรง
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ยอโควิช แชมป์เก่าวัย 21 ปี ทนอากาศร้อนระอุภายใน รอด เลเวอร์ อารีนา ไม่ไหวขอยอมแพ้ไปในเซตที่ 4 ขณะตามหลัง รอดดิก วัย 26 ปี อยู่ 1-2 เซต ส่งผลให้อดีตมือ 1 โลกชาวอเมริกันได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศออสเตรเลียน โอเพน เป็นครั้งที่ 4 ในชีวิต
โดยระหว่างงานแถลงข่าวหลังแมตช์ “โนเล่” ออกมาเผยว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาไปไม่ถึงดวงดาวในออสเตรเลียน โอเพนหนนี้
“พวกคุณคิดดู เมื่อวันอาทิตย์ผมแข่งจบตี 3 ซึ่งกว่าจะได้นอนก็ตี 5 ครึ่ง ยังไม่ทันไรผมก็ต้องตื่นมาซ้อมและก็มาลงแข่งในวันนี้ แถมยังมาเจออากาศร้อนสุดๆ อีก” มือ 3 ของโลกชาวเซิร์บที่ได้พักมาแค่ 37 ชั่วโมงก่อนมาดวลกับ รอดดิกในวันนี้ กล่าวแบบหดหู่
นอกจากนี้ ยอโควิช ยังเผยอีกว่า ตนได้ขอเล่นแมตช์กลางคืนไปแล้วแต่ถูกฝ่ายจัดการแข่งขันปฏิเสธ เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นของแมตช์รอบก่อนรองชนะเลิศระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 2 ของโลก กับ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร มือ 9 ของโลกแทน
“หากรอบ 16 คน คุณจบแมตช์ตี 3 อีกวันก็ควรจะได่เล่นแมตช์กลางคืนคู่หลังๆ ผมทำเรื่องขอไปโดยให้เหตุผลตามนี้ แต่สุดท้ายฝ่ายจัดก็ไม่อนุญาต” ยอโควิช แถลงหน้าเจื่อน
ด้าน รอดดิก ผู้ชนะในเกมวันนี้ออกมาเสนอวิธีแก้ปัญหา ว่า “ฝ่ายจัดการแข่งขันควรลดจำนวนแมตช์กลางคืนลง เพราะแมตช์แบบนี้ทำให้นักเทนนิสได้นอนน้อย บางทีแค่ 3-4 ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาซ้อมแล้ว มันทำลายสุขภาพสุดๆ เลย”
ทั้งนี้ รอดดิก มีความสามารถในการปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับการลงเล่นแมตช์กลางคืนได้ดีกว่านักเทนนิสหหลายๆ คนในทัวร์นาเมนต์ เนื่องจากใน ยูเอส โอเพน รอดดิก ในฐานะมือ 1 ของสหรัฐอเมริกาจะได้ลงเล่นคู่สุดท้ายของวันเป็นประจำ