แพท เปเรซ โปรอเมริกัน เก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 33 อันเดอร์พาร์ เหนือกว่าอันดับสองถึง 3 สโตรก ในการลงสนามรอบสุดท้าย ทำให้คว้าแชมป์รายการบ็อบ โฮป คลาสสิก พร้อมรับเงินรางวัลรวม 918,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31 ล้านบาท)
ศึกดวลวงสวิง บ็อบ โฮป คลาสสิก ชิงเงินรางวัลรวม 5.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 178 ล้านบาท) ที่กระจายกันแข่งที่สนามพีจีเอ เวสต์-นิคลอส คอร์ส (พาร์ 72 ระยะ 6,948 หลา), เบอร์มิวดา ดันส์ (พาร์ 72 ระยะ 7,041 หลา), ซิลเวอร์ร็อค กอล์ฟ คลับ (พาร์ 72 ระยะ 7,578 หลา) และพีจีเอ เวสต์ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ (พาร์ 72 ระยะ 6,950 หลา) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย
ผลปรากฏว่า แพท เปเรซ โปรเจ้าถิ่นซึ่งเป็นผู้นำมาตลอดในช่วงสามวันแรก แต่เมื่อวานพลาดท่าตกลงเป็นอันดับสอง ได้ผลงานการทำอีเกิลในหลุมที่ 18 ช่วยให้จบวันนี้เก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 33 อันเดอร์พาร์ เหนือกว่าอันดับสองคือ จอห์น เมอร์ริก โปรเพื่อนร่วมชาติที่เก็บเพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ อยู่ 3 สโตรกทำให้คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองพร้อมรับเงินรางวัลรวม 918,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31 ล้านบาท )
โดยภายหลังการแข่งขัน โปรวัย 32 ปี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ ได้เป็นรายการแรกในชีวิต กล่าวว่า "ผมแค่พยายามตีไม่ให้เสีย เนื่องจากรู้ดีว่ามันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แต่เมื่อ สตริคเกอร์ ไปตีเสียที่หลุม 10 หลังจากนั้นจึงเหลือแค่ผมกับ เมอร์ริค เท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์ ผมคิดว่าหากสามารถเล่นได้อย่างคงเส้นคงวา, ตีช็อตสวยๆ ได้ และพยายามเล่นอย่างใจเย็น ผมก็น่าจะมีโอกาสทำได้สำเร็จ"
ด้านผลงานของโปรชื่อดังรายอื่น สตีฟ สตริคเกอร์ ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำรอบก่อนกลับมาตกม้าตายในรอบสุดท้ายเมื่อหวดเกินไป 5 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมตกมาอยู่ที่ 28 อันเดอร์พาร์ จบด้วยอันดับ 3 ร่วมกับ ไมค์ เวียร์ โปรแคนาดา ที่เก็บเพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ ขณะที่ ทิม คลาร์ก โปรแอฟริกาใต้ เก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 27 อันเดอร์พาร์ จบด้วยอันดับ 5 ร่วม
ด้าน เดวิด ทอมส์ โปรเจ้าถิ่นอีกรายจบด้วยอันดับ 25 ร่วมหลังจากเก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 23 อันเดอร์พาร์ เช่นเดียวกับ คริส ดิมาร์โก เพื่อนร่วมชาติที่เก็บเพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ ส่วน จัสติน เลนนาร์ด โปรสหรัฐฯ เก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมมี 21 อันเดอร์พาร์ จบรายการด้วยอันดับ 42 ร่วมเช่นเดียวกับ เคน ดุ๊ก และ วูดดี ออสติน สองโปรเพื่อนร่วมชาติที่หวดเพิ่มอีก 4 และ 2 อันเดอร์พาร์ ตามลำดับ