คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ทันทีที่เปิดเครื่องรับโทรทัศน์ขึ้นมากลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระผมแทบตกจากโซฟาเมื่อสกอร์การแข่งขันศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำสัปดาห์ที่ 6 วิ่งขึ้นมาให้เห็นว่า เซนต์หลุยส์ แรมส์ 19 ในขณะที่ วอชิงตัน เรดสกินส์ ทีมโปรดได้แค่ 17 แต้ม
การออกตัวฤดูกาล 2008/09 ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ “แชมป์เก่า” นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรสำหรับแฟนๆ “อินเดียนแดง” วอชิงตัน เรดสกินส์ ที่เข้าใจว่าทีมต้องลองผิดลองถูกไปกับ จิม ซอร์น หัวหน้าโค้ชรุคกี แต่ชัยชนะในบ้านเหนือทั้ง นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส และ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ทำให้ความหวังก่อเกิด
ยิ่งบุกไปคว้าชัยถึงถิ่น ดัลลัส คาวบอยส์ และ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สองสัปดาห์ติดด้วยแล้ว เรดสกินส์ ขึ้นมายืนในจุดที่น่าสนใจมีโอกาสได้ตั๋วเข้าเพลย์ออฟเป็นปีที่ 3 ในรอบสี่ฤดูกาลหลังสุด เพราะนอกจากสถิติชนะ 4 แพ้ 1 เกม ลูกทีมของ ซอร์น ยังเกี่ยวชัยชนะสำคัญนอกบ้านมาจากคู่แข่งร่วมดิวิชั่นสุดหินอย่าง เอ็นเอฟซี (NFC) ตะวันออก ถึงสองเกม และอาจได้ไปใช้เป็นตัวตัดสินการเข้ารอบในช่วงท้ายของฤดูกาลปกติ
เมื่อโมเมนตัมกำลังได้ ผมจึงมองไม่ออกว่ามีมุมไหนที่ “แกะเขาเหล็ก” เซนต์หลุยส์ แรมส์ จะบุกมาขวิด “อินเดียนแดง” ถึงเฟดเอกซ์ ฟิลด์ การคอนโทรลเกมบุกอันแน่นอนของ เจสัน แคมป์เบลล์ ควอเตอร์แบ็กที่ยังไม่ก่อความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ประกอบกับอาวุธสมดุลทั้งภาคพื้นดิน (คลินตัน พอร์ติส, ลาเดล เบตต์ส) และเกมรุกทางอากาศ (ซานตานา มอสส์, อันวาน แรนเดิล เอล และ คริส คูลีย์) แถมได้ เจสัน เทย์เลอร์ พี่ใหญ่ในเกมรับสลัดอาการเจ็บกลับมาอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่วงพนันขันต่อในลาสเวกัสยกให้ เรดสกินส์ เป็นต่อสุดกู่ 2 สกอร์ใหญ่ (14 แต้ม)
เกมที่ไม่มีการถ่ายทอดสด ทำให้ต้องติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ต่างๆ และก็ได้รู้ว่าเกมดังกล่าว แรมส์ สู้สุดใจขาดดิ้น หลังจากได้บายวีค จิม แฮสเลตต์ ซึ่งขึ้นมานั่งแท่นเฮดโค้ชชั่วคราวแทน สกอตต์ ไลน์แฮน ที่โดนปลดจากตำแหน่งไป มีเวลาปรับจูนทีมพอสมควร และก็ให้โอกาส มาร์ค บัลเจอร์ ควอเตอร์แบ็กค่าจ้างมหาศาลคืนสนาม และบัลเจอร์ ก็เล่นเอาแฟนๆ เจ้าถิ่นเหยียบ 9 หมื่นคนนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้
สถานการณ์ของทีมเยือนกลับมาเป็นรองหลังจากที่ พอร์ติส ทะลวง 2 หลาเข้าเอ็นด์โซนช่วยให้ เรดสกินส์ กลับขึ้นหน้า 17-16 เหลือเวลาอีก 3.47 นาทีให้ทีมบุก แรมส์ ลงมาสร้างปาฏิหาริย์ที่หลายคนมองว่าเลื่อนลอย แต่ บัลเจอร์ กลับเปลี่ยนดาวน์ที่ 3 ต้องการ 13 หลา ด้วยการขว้างเลาะริมเส้นให้ ดอนนีย์ เอเวอรี รับบอลแล้วโกยระยะไปอีก 43 หลา แม้สกอร์เป็นรองแต่สถานการณ์ได้เปรียบ “แกะเขาเหล็ก” เคี้ยวเวลาจนเหลือวินาทีท้ายได้ชี้ชะตาตัวเอง จอช บราวน์ ไม่ทำให้ผิดหวังลงมาส่องฟิลด์โกลระยะ 49 หลาลอยเข้าประตูไป ท่ามกลางความเงียบสงัดในสเตเดี้ยม
แรมส์ ได้ชัยชนะเกมแรกของฤดูกาลจากการลงสนาม 5 เกม แม้ยังรั้งบ๊วยกลุ่มเอ็นเอฟซี ตะวันตก แต่ก็ตามหลัง อริโซนา คาร์ดินัลส์ แค่สามเกมในเส้นทางอีก 11 สัปดาห์ ขณะที่ เรดสกินส์ สถิติตกเหลือ 4-2 เกม โชคดีที่ยังเกาะอันดับสองของกลุ่มหฤโหดเอาไว้ได้ เนื่องจากสัปดาห์เดียวกัน คาวบอยส์ เจอการบล็อกพันท์ของทีมพิเศษ คาร์ดินัลส์ เล่นงานเป็นทัชดาวน์ในช่วงต่อเวลาพิเศษ สถิติหล่นมาเท่ากันแต่ผลงานในดิวิชั่น “อินเดียนแดง” แจ่มกว่า
นอกจากความโชคดีที่ คาวบอยส์ ปราชัยแถมยังเสีย โทนี โรโม ให้อาการบาดเจ็บนิ้วมือจนต้องพักเป็นเดือน การพลิกล็อกบุกไปพ่าย คลีฟแลนด์ บราวน์ส ในมันเดย์ไนท์ของ ไจแอนท์ส ทำให้ เรดสกินส์ ไม่ถึงกับเสียหายอะไรนัก (แม้มันน่าเจ็บใจก็ตาม) เนื่องจากเป็นรอง “ยักษ์ใหญ่” แค่ครึ่งเกม แต่สถานการณ์ที่ อีเกิลส์ เอาตัวรอดมาได้จากการบุกไปถลุง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส จนสถิติขึ้นมา 3-3 เกม ทำให้ ซอร์น ต้องกำชับลูกทีมห้ามประมาทหรือผิดพลาดอีกแล้ว
ในเมื่อมีโปรแกรมให้เก็บเกี่ยว เปิดบ้านรอเฉือน บราวน์ส และไปเยือน ดีทรอยต์ ไลออนส์ ก่อนกลับมาวัดดวง “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ถ้า เรดสกินส์ ได้ชัยสองเกมเป็นอย่างน้อย สถิติ 6-3 หรือ 7-2 ดีพอที่จะเบียดขึ้นไปนำฝูง เนื่องจาก ไจแอนท์ส เจอเกมหนัก ขณะที่ คาวบอยส์ ต้องใช้ แบรด จอห์นสัน ควอเตอร์แบ็กรุ่นลายครามประคองทีมไปพลางๆ ส่วน อีเกิลส์ การไม่สมบูรณ์ของ ไบรอัน เวสต์บรูก ทำให้ โดโนแวน แม็คแนบบ์ มีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น
นี่ถ้า เรดสกินส์ ฉกฉวยโอกาสดีแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ แฟนๆ คงต้องลุ้นเหนื่อยถึงช่วงท้ายเหมือนเมื่อฤดูกาลก่อน และมันก็ไม่ได้การันตีด้วยว่าจะได้ตั๋วสู่โพสต์ซีซั่น
ทันทีที่เปิดเครื่องรับโทรทัศน์ขึ้นมากลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระผมแทบตกจากโซฟาเมื่อสกอร์การแข่งขันศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำสัปดาห์ที่ 6 วิ่งขึ้นมาให้เห็นว่า เซนต์หลุยส์ แรมส์ 19 ในขณะที่ วอชิงตัน เรดสกินส์ ทีมโปรดได้แค่ 17 แต้ม
การออกตัวฤดูกาล 2008/09 ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ “แชมป์เก่า” นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรสำหรับแฟนๆ “อินเดียนแดง” วอชิงตัน เรดสกินส์ ที่เข้าใจว่าทีมต้องลองผิดลองถูกไปกับ จิม ซอร์น หัวหน้าโค้ชรุคกี แต่ชัยชนะในบ้านเหนือทั้ง นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส และ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ทำให้ความหวังก่อเกิด
ยิ่งบุกไปคว้าชัยถึงถิ่น ดัลลัส คาวบอยส์ และ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สองสัปดาห์ติดด้วยแล้ว เรดสกินส์ ขึ้นมายืนในจุดที่น่าสนใจมีโอกาสได้ตั๋วเข้าเพลย์ออฟเป็นปีที่ 3 ในรอบสี่ฤดูกาลหลังสุด เพราะนอกจากสถิติชนะ 4 แพ้ 1 เกม ลูกทีมของ ซอร์น ยังเกี่ยวชัยชนะสำคัญนอกบ้านมาจากคู่แข่งร่วมดิวิชั่นสุดหินอย่าง เอ็นเอฟซี (NFC) ตะวันออก ถึงสองเกม และอาจได้ไปใช้เป็นตัวตัดสินการเข้ารอบในช่วงท้ายของฤดูกาลปกติ
เมื่อโมเมนตัมกำลังได้ ผมจึงมองไม่ออกว่ามีมุมไหนที่ “แกะเขาเหล็ก” เซนต์หลุยส์ แรมส์ จะบุกมาขวิด “อินเดียนแดง” ถึงเฟดเอกซ์ ฟิลด์ การคอนโทรลเกมบุกอันแน่นอนของ เจสัน แคมป์เบลล์ ควอเตอร์แบ็กที่ยังไม่ก่อความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ประกอบกับอาวุธสมดุลทั้งภาคพื้นดิน (คลินตัน พอร์ติส, ลาเดล เบตต์ส) และเกมรุกทางอากาศ (ซานตานา มอสส์, อันวาน แรนเดิล เอล และ คริส คูลีย์) แถมได้ เจสัน เทย์เลอร์ พี่ใหญ่ในเกมรับสลัดอาการเจ็บกลับมาอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่วงพนันขันต่อในลาสเวกัสยกให้ เรดสกินส์ เป็นต่อสุดกู่ 2 สกอร์ใหญ่ (14 แต้ม)
เกมที่ไม่มีการถ่ายทอดสด ทำให้ต้องติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ต่างๆ และก็ได้รู้ว่าเกมดังกล่าว แรมส์ สู้สุดใจขาดดิ้น หลังจากได้บายวีค จิม แฮสเลตต์ ซึ่งขึ้นมานั่งแท่นเฮดโค้ชชั่วคราวแทน สกอตต์ ไลน์แฮน ที่โดนปลดจากตำแหน่งไป มีเวลาปรับจูนทีมพอสมควร และก็ให้โอกาส มาร์ค บัลเจอร์ ควอเตอร์แบ็กค่าจ้างมหาศาลคืนสนาม และบัลเจอร์ ก็เล่นเอาแฟนๆ เจ้าถิ่นเหยียบ 9 หมื่นคนนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้
สถานการณ์ของทีมเยือนกลับมาเป็นรองหลังจากที่ พอร์ติส ทะลวง 2 หลาเข้าเอ็นด์โซนช่วยให้ เรดสกินส์ กลับขึ้นหน้า 17-16 เหลือเวลาอีก 3.47 นาทีให้ทีมบุก แรมส์ ลงมาสร้างปาฏิหาริย์ที่หลายคนมองว่าเลื่อนลอย แต่ บัลเจอร์ กลับเปลี่ยนดาวน์ที่ 3 ต้องการ 13 หลา ด้วยการขว้างเลาะริมเส้นให้ ดอนนีย์ เอเวอรี รับบอลแล้วโกยระยะไปอีก 43 หลา แม้สกอร์เป็นรองแต่สถานการณ์ได้เปรียบ “แกะเขาเหล็ก” เคี้ยวเวลาจนเหลือวินาทีท้ายได้ชี้ชะตาตัวเอง จอช บราวน์ ไม่ทำให้ผิดหวังลงมาส่องฟิลด์โกลระยะ 49 หลาลอยเข้าประตูไป ท่ามกลางความเงียบสงัดในสเตเดี้ยม
แรมส์ ได้ชัยชนะเกมแรกของฤดูกาลจากการลงสนาม 5 เกม แม้ยังรั้งบ๊วยกลุ่มเอ็นเอฟซี ตะวันตก แต่ก็ตามหลัง อริโซนา คาร์ดินัลส์ แค่สามเกมในเส้นทางอีก 11 สัปดาห์ ขณะที่ เรดสกินส์ สถิติตกเหลือ 4-2 เกม โชคดีที่ยังเกาะอันดับสองของกลุ่มหฤโหดเอาไว้ได้ เนื่องจากสัปดาห์เดียวกัน คาวบอยส์ เจอการบล็อกพันท์ของทีมพิเศษ คาร์ดินัลส์ เล่นงานเป็นทัชดาวน์ในช่วงต่อเวลาพิเศษ สถิติหล่นมาเท่ากันแต่ผลงานในดิวิชั่น “อินเดียนแดง” แจ่มกว่า
นอกจากความโชคดีที่ คาวบอยส์ ปราชัยแถมยังเสีย โทนี โรโม ให้อาการบาดเจ็บนิ้วมือจนต้องพักเป็นเดือน การพลิกล็อกบุกไปพ่าย คลีฟแลนด์ บราวน์ส ในมันเดย์ไนท์ของ ไจแอนท์ส ทำให้ เรดสกินส์ ไม่ถึงกับเสียหายอะไรนัก (แม้มันน่าเจ็บใจก็ตาม) เนื่องจากเป็นรอง “ยักษ์ใหญ่” แค่ครึ่งเกม แต่สถานการณ์ที่ อีเกิลส์ เอาตัวรอดมาได้จากการบุกไปถลุง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส จนสถิติขึ้นมา 3-3 เกม ทำให้ ซอร์น ต้องกำชับลูกทีมห้ามประมาทหรือผิดพลาดอีกแล้ว
ในเมื่อมีโปรแกรมให้เก็บเกี่ยว เปิดบ้านรอเฉือน บราวน์ส และไปเยือน ดีทรอยต์ ไลออนส์ ก่อนกลับมาวัดดวง “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ถ้า เรดสกินส์ ได้ชัยสองเกมเป็นอย่างน้อย สถิติ 6-3 หรือ 7-2 ดีพอที่จะเบียดขึ้นไปนำฝูง เนื่องจาก ไจแอนท์ส เจอเกมหนัก ขณะที่ คาวบอยส์ ต้องใช้ แบรด จอห์นสัน ควอเตอร์แบ็กรุ่นลายครามประคองทีมไปพลางๆ ส่วน อีเกิลส์ การไม่สมบูรณ์ของ ไบรอัน เวสต์บรูก ทำให้ โดโนแวน แม็คแนบบ์ มีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น
นี่ถ้า เรดสกินส์ ฉกฉวยโอกาสดีแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ แฟนๆ คงต้องลุ้นเหนื่อยถึงช่วงท้ายเหมือนเมื่อฤดูกาลก่อน และมันก็ไม่ได้การันตีด้วยว่าจะได้ตั๋วสู่โพสต์ซีซั่น