ลีอันเดอร์ เพส จากอินเดีย กับ นิโคลาส ดลูฮีย์ จากเช็ก คู่หวดมือ 1 ของรายการ เอาชนะ 2 หนุ่มจากสหรัฐฯ ไป 2 เซตรวด พร้อมคว้าถ้วยแชมป์ชายคู่ศึกไทยแลนด์โอเพ่น 2008
การแข่งขันเทนนิส เอทีพี ทัวร์ รายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2008 ชิงเงินรางวัลรวม 576,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 19 ล้านบาท) ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551 ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบชิงชนะเลิศ
โดยประเภทชายคู่ เป็นการพบกันระหว่าง ลีอันเดอร์ เพส จากอินเดีย กับ นิโคลาส ดลูฮีย์ จากเช็ก คู่หวดมือ 1 ของรายการ พบกับ สกอตต์ ลิปสกี กับ เดวิด มาร์ติน จากสหรัฐฯ
ซึ่งผลปรากฏว่า นักหวดจากเช็ก และ อินเดีย สามารถกำราบ 2 หนุ่มจากแดนลุงแซมไปได้ 2 เซตรวด 6-4, 7-6 (4) พร้อมกับคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ
หลังเกม เพส ออกมายกย่อง ดลูฮีย์ คู่หูที่เพิ่งร่วมงานกันมาแค่ 4 เดือนเป็นการใหญ่ “ผมว่าตอนนี้เราเป็นคู่ที่ดีที่สุดแล้ว เพิ่งร่วมงานกันมาเดือนพฤษภาคม แต่ก็ผ่านเข้าชิงยูเอสโอเพนได้ และก็ต่อมาเป็นแชมป์รายการนี้ ผมว่าเรายิ่งเล่นยิ่งแกร่ง ยิ่งเข้าขากัน คงเพราะเราต่างคนต่างมีเบซิคพื้นฐานการเล่นคู่ที่ดี”
แต่ทางด้าน ดลูฮีย์ ออกแนวถ่อมตัวว่า “ชัยชนะรายการนี้ถือเป็นสิ่งวิเศษสุด แต่ผมคงยังไม่มองไปที่ มาสเตอร์ คัพ เพราะจากนี้ยังเหลืออีก 3 รายการที่เราต้องลงแข่ง”
สำหรับการมาคว้าแชมป์ที่สยามเมืองยิ้ม ทั้ง เพส และ ดลูฮีย์ พูดในแนวเดียวกัน “คนไทยน่ารักมาก ผมขอให้ช่วยอะไรเขาก็ทำให้ ยิ้มตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมากรุงเทพอีกแน่ เพราะความทรงจำในการคว้าแชมป์คู่เอทีพีรายการแรกของผมอยู่ที่นี่”
ด้าน เพส ที่ชนะเอทีพี รายการที่ 40 กล่าวว่า “ผมหลงรักกรุงเทพฯไปแล้ว ผมมาที่นี่ตั้งแต่ 12 ขวบ และกลับมาคว้าแชมป์ได้ตอนอายุ 32 ปี (เมื่อ 3 ปีก่อน) และอีกครั้งในปีนี้ คนไทยน่ารักจริง”
การแข่งขันเทนนิส เอทีพี ทัวร์ รายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2008 ชิงเงินรางวัลรวม 576,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 19 ล้านบาท) ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551 ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบชิงชนะเลิศ
โดยประเภทชายคู่ เป็นการพบกันระหว่าง ลีอันเดอร์ เพส จากอินเดีย กับ นิโคลาส ดลูฮีย์ จากเช็ก คู่หวดมือ 1 ของรายการ พบกับ สกอตต์ ลิปสกี กับ เดวิด มาร์ติน จากสหรัฐฯ
ซึ่งผลปรากฏว่า นักหวดจากเช็ก และ อินเดีย สามารถกำราบ 2 หนุ่มจากแดนลุงแซมไปได้ 2 เซตรวด 6-4, 7-6 (4) พร้อมกับคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ
หลังเกม เพส ออกมายกย่อง ดลูฮีย์ คู่หูที่เพิ่งร่วมงานกันมาแค่ 4 เดือนเป็นการใหญ่ “ผมว่าตอนนี้เราเป็นคู่ที่ดีที่สุดแล้ว เพิ่งร่วมงานกันมาเดือนพฤษภาคม แต่ก็ผ่านเข้าชิงยูเอสโอเพนได้ และก็ต่อมาเป็นแชมป์รายการนี้ ผมว่าเรายิ่งเล่นยิ่งแกร่ง ยิ่งเข้าขากัน คงเพราะเราต่างคนต่างมีเบซิคพื้นฐานการเล่นคู่ที่ดี”
แต่ทางด้าน ดลูฮีย์ ออกแนวถ่อมตัวว่า “ชัยชนะรายการนี้ถือเป็นสิ่งวิเศษสุด แต่ผมคงยังไม่มองไปที่ มาสเตอร์ คัพ เพราะจากนี้ยังเหลืออีก 3 รายการที่เราต้องลงแข่ง”
สำหรับการมาคว้าแชมป์ที่สยามเมืองยิ้ม ทั้ง เพส และ ดลูฮีย์ พูดในแนวเดียวกัน “คนไทยน่ารักมาก ผมขอให้ช่วยอะไรเขาก็ทำให้ ยิ้มตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมากรุงเทพอีกแน่ เพราะความทรงจำในการคว้าแชมป์คู่เอทีพีรายการแรกของผมอยู่ที่นี่”
ด้าน เพส ที่ชนะเอทีพี รายการที่ 40 กล่าวว่า “ผมหลงรักกรุงเทพฯไปแล้ว ผมมาที่นี่ตั้งแต่ 12 ขวบ และกลับมาคว้าแชมป์ได้ตอนอายุ 32 ปี (เมื่อ 3 ปีก่อน) และอีกครั้งในปีนี้ คนไทยน่ารักจริง”
