“ตะลุยแดนมังกร” โดย “ภู่ หว่า เฮง”
เมื่อวานถ้าประจำการอยู่ออฟฟิศก็คงได้ชมเกมการแข่งขันบาสเกตบอลชายโอลิมปิกคู่หยุดโลกเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน แต่การมาเยือนแดนมังกรครั้งนี้ “ภู่ หว่า เฮง” ไม่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติแค่เพียงนั่งชมเกมผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง CCTV เท่านั้น
ว่าแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมกับเฮียยุทธ ตั้งใจกันว่าจะเดินทางไปยังสนาม “ปักกิ่ง บาสเกตบอล โอลิมปิก สเตเดี้ยม” จึงจับรถไฟใต้ดิน (Subway) สาย 2 จาก Jishuitan สถานีที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดไปลง Fuxingmen เพื่อสับรางต่อสาย 1 ไปยัง Wukesong ใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกับ 11 สถานีที่วิ่งผ่านก็ถึงจุดหมายปลายทาง
พอก้าวเท้าออกจากสถานี Wukesong เราจะได้เห็นบรรดาอาสาสมัคร (Volunteers) ตั้งโต๊ะพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอลิมปิกแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางไปยังสนามต่างๆ เพื่อเข้าชมการแข่งขัน ซึ่งเป็นลักษณะนี้มาตั้งแต่ “ปักกิ่งเกมส์” เริ่มเปิดฉากกันในวันเสาร์ที่ผ่านมา
เราจึงต้องไปใช้บริการเสียหน่อย โดยอาสาสมัครหนุ่มทั้งสามบอกให้เราเดินไปตามทิศตะวันตก เฮียยุทธ จึงต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าซ้ายหรือขวาก็เพราะเราไม่ได้เอา “เข็มทิศ” มาจากเมืองไทยนี่!!! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถามทางคนจีนแล้วได้รับคำตอบเป็นทิศ เมื่อสอบถามกันทราบเรื่องได้ความว่าเลี้ยวขวาออกจากสถานีไป จากนั้นเดินเท้าต่ออีกแค่ 15 นาทีก็ถึงสนามแข่งขัน และนี่ก็คือความฝันสำหรับการเดินทางมาชมกีฬาด้วยระบบขนส่งที่สะดวกสบาย เป็นการบ้านให้รัฐบาลไทยได้คิดเหมือนกัน หากระบบการขนส่งของเราครบวงจรกว่าที่เป็นอยู่ ไทยคงได้จัดมหกรรมกีฬาอย่าง “โอลิมปิกเกมส์” ไปแล้ว
ด้วยเจตนาที่ว่าเราต้องการชมเกมยัดห่วงระหว่าง กรีซ กับ เยอรมนี แต่รู้ลึกๆ ในใจว่าตั๋วการแข่งขันแบบถูกกฎหมายถูกจำหน่ายหมดไปตั้งแต่ไก่โห่แล้ว แต่เราก็อยากลองลุ้น “ตั๋วผี” ดูสักตั้ง เนื่องจากนี่เป็นแค่เกมพรีวิวก่อนที่ เหยา หมิง จะเดินนำพลพรรค “มังกร” จีน ประลองความแม่นยำกับ พาว กาซอล และทีมแชมป์โลกสเปน ในเวลา 16.45 น. อีกทั้งเป็นเวลาทำงานน่าจะพอมีตั๋วให้ได้ซื้อบ้างล่ะ
การที่เรามาถึงสนามก่อนแข่งครึ่งชั่วโมง (14.00 น.) เป็นหนึ่งในกลยุทธที่วางเอาไว้ล่วงหน้า เพราะคิดว่าราคาหน้าตั๋วคงถูกโก่งไปพอสมควร เมื่อเวลาบีบเข้ามาเราน่าจะมีกำลังต่อรองกับนักเก็งกำไรชาวจีนมากขึ้น แต่เมื่อพูดคุยกับหนุ่มนิรนามรายหนึ่งผู้มีตั๋วราคา 50 หยวน (250 บาท) ซึ่งเป็นเรตต่ำสุดของการเข้าชมบาสเกตบอลโอลิมปิก เล่นเอาเราเริ่มรู้ชะตากรรม
พ่อหนุ่มคนนั้นบอกกับเราว่าต้องสู้ราคาหน่อยนะสำหรับ “ตั๋วผี” ดีไม่ดีคุณจะโดนโก่งแบบสุดฤทธิ์ ถ้าคิดว่าเงินไม่ถึงหลักพันหยวนสามารถซื้อตั๋วเหล่านี้ได้ก็ขอให้คิดใหม่ เนื่องจากคนจีนจัดอยู่ในประเภทเขี้ยวลากดินเรื่องการค้า ถ้าขายตั๋วไม่ได้ราคาก็ฉีกมันทิ้งเสียดีกว่า เพราะแค่พวกเขาขายได้ใบเดียวก็กำไรหลายเท่าตัวแล้ว อีกทั้งเมื่อเรามารับทราบว่าตั๋วหนึ่งใบเข้าชมการแข่งขันได้ 2 เกมต่อวัน ทำให้ผมกับเฮียยุทธหันหน้ามองกันเป็นการสารภาพต่อชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เมื่อมาถึงหน้าสนามแล้วเราขอ “ลองของ” เล่นกับ “ตั๋วผี” ดูสักตั้ง เดินเลาะเรียบได้พักนึงก็เริ่มมีชายแปลกหน้าเดินปรี่เข้ามาพร้อมกับพูดทำนองว่า “เอาตั๋วมั้ยพี่” เราก็ได้แค่ถามกลับไปว่าเท่าไหร่ ราคาแรกที่ได้ยินคือ 2,600 หยวน ตีเป็นเงินไทยก็ 13,000 บาท พระเจ้าจอร์จมันแพงมาก อย่างไรก็ตาม ก็ไม่วายเห็นกองเชียร์ชาวสเปนควักแบงค์หยวนปึกหนึ่งยื่นให้แก่นักเก็งกำไรกรีดนับ ก่อนรับตั๋วเข้าสนามกันไป
เดินไปได้อีกสักพักก็เห็นบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าตั๋วผี ยืนจับกลุ่มสอดส่ายสายตาหาเหยื่อกันอยู่ โดยราคาที่ผ่านหูเรามาประมวลได้ว่าแพงกว่าราคาหน้าตั๋วถึง 10 เท่า อย่าง 150 ก็เปิดซะ 1,500 หยวน แพงสุดคือ 3,000 หยวน เราจึงตัดสินใจยืนสังเกตการณ์เฉยๆ ดีกว่า และก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชะตาที่เป็นชาวจีน มีการแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเล็กน้อย โดยหนุ่มใหญ่ที่ถือป้ายคล้องคอเพื่อประกาศจุดประสงค์ บอกกับเราว่าราคาดังกล่าวแพงเกินไป เขามาหาตั๋วในราคาแค่หลักร้อยเหมือนกัน ซึ่งเราก็ได้แต่พูดในใจกับเฮียแกไปว่า กลับไปดูการถ่ายทอดสดที่บ้านเถอะครับ ตั๋วผีที่นี่โก่งราคากันแพงบรรลัย
เมื่อวานถ้าประจำการอยู่ออฟฟิศก็คงได้ชมเกมการแข่งขันบาสเกตบอลชายโอลิมปิกคู่หยุดโลกเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน แต่การมาเยือนแดนมังกรครั้งนี้ “ภู่ หว่า เฮง” ไม่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติแค่เพียงนั่งชมเกมผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง CCTV เท่านั้น
ว่าแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมกับเฮียยุทธ ตั้งใจกันว่าจะเดินทางไปยังสนาม “ปักกิ่ง บาสเกตบอล โอลิมปิก สเตเดี้ยม” จึงจับรถไฟใต้ดิน (Subway) สาย 2 จาก Jishuitan สถานีที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดไปลง Fuxingmen เพื่อสับรางต่อสาย 1 ไปยัง Wukesong ใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกับ 11 สถานีที่วิ่งผ่านก็ถึงจุดหมายปลายทาง
พอก้าวเท้าออกจากสถานี Wukesong เราจะได้เห็นบรรดาอาสาสมัคร (Volunteers) ตั้งโต๊ะพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอลิมปิกแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางไปยังสนามต่างๆ เพื่อเข้าชมการแข่งขัน ซึ่งเป็นลักษณะนี้มาตั้งแต่ “ปักกิ่งเกมส์” เริ่มเปิดฉากกันในวันเสาร์ที่ผ่านมา
เราจึงต้องไปใช้บริการเสียหน่อย โดยอาสาสมัครหนุ่มทั้งสามบอกให้เราเดินไปตามทิศตะวันตก เฮียยุทธ จึงต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าซ้ายหรือขวาก็เพราะเราไม่ได้เอา “เข็มทิศ” มาจากเมืองไทยนี่!!! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถามทางคนจีนแล้วได้รับคำตอบเป็นทิศ เมื่อสอบถามกันทราบเรื่องได้ความว่าเลี้ยวขวาออกจากสถานีไป จากนั้นเดินเท้าต่ออีกแค่ 15 นาทีก็ถึงสนามแข่งขัน และนี่ก็คือความฝันสำหรับการเดินทางมาชมกีฬาด้วยระบบขนส่งที่สะดวกสบาย เป็นการบ้านให้รัฐบาลไทยได้คิดเหมือนกัน หากระบบการขนส่งของเราครบวงจรกว่าที่เป็นอยู่ ไทยคงได้จัดมหกรรมกีฬาอย่าง “โอลิมปิกเกมส์” ไปแล้ว
ด้วยเจตนาที่ว่าเราต้องการชมเกมยัดห่วงระหว่าง กรีซ กับ เยอรมนี แต่รู้ลึกๆ ในใจว่าตั๋วการแข่งขันแบบถูกกฎหมายถูกจำหน่ายหมดไปตั้งแต่ไก่โห่แล้ว แต่เราก็อยากลองลุ้น “ตั๋วผี” ดูสักตั้ง เนื่องจากนี่เป็นแค่เกมพรีวิวก่อนที่ เหยา หมิง จะเดินนำพลพรรค “มังกร” จีน ประลองความแม่นยำกับ พาว กาซอล และทีมแชมป์โลกสเปน ในเวลา 16.45 น. อีกทั้งเป็นเวลาทำงานน่าจะพอมีตั๋วให้ได้ซื้อบ้างล่ะ
การที่เรามาถึงสนามก่อนแข่งครึ่งชั่วโมง (14.00 น.) เป็นหนึ่งในกลยุทธที่วางเอาไว้ล่วงหน้า เพราะคิดว่าราคาหน้าตั๋วคงถูกโก่งไปพอสมควร เมื่อเวลาบีบเข้ามาเราน่าจะมีกำลังต่อรองกับนักเก็งกำไรชาวจีนมากขึ้น แต่เมื่อพูดคุยกับหนุ่มนิรนามรายหนึ่งผู้มีตั๋วราคา 50 หยวน (250 บาท) ซึ่งเป็นเรตต่ำสุดของการเข้าชมบาสเกตบอลโอลิมปิก เล่นเอาเราเริ่มรู้ชะตากรรม
พ่อหนุ่มคนนั้นบอกกับเราว่าต้องสู้ราคาหน่อยนะสำหรับ “ตั๋วผี” ดีไม่ดีคุณจะโดนโก่งแบบสุดฤทธิ์ ถ้าคิดว่าเงินไม่ถึงหลักพันหยวนสามารถซื้อตั๋วเหล่านี้ได้ก็ขอให้คิดใหม่ เนื่องจากคนจีนจัดอยู่ในประเภทเขี้ยวลากดินเรื่องการค้า ถ้าขายตั๋วไม่ได้ราคาก็ฉีกมันทิ้งเสียดีกว่า เพราะแค่พวกเขาขายได้ใบเดียวก็กำไรหลายเท่าตัวแล้ว อีกทั้งเมื่อเรามารับทราบว่าตั๋วหนึ่งใบเข้าชมการแข่งขันได้ 2 เกมต่อวัน ทำให้ผมกับเฮียยุทธหันหน้ามองกันเป็นการสารภาพต่อชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เมื่อมาถึงหน้าสนามแล้วเราขอ “ลองของ” เล่นกับ “ตั๋วผี” ดูสักตั้ง เดินเลาะเรียบได้พักนึงก็เริ่มมีชายแปลกหน้าเดินปรี่เข้ามาพร้อมกับพูดทำนองว่า “เอาตั๋วมั้ยพี่” เราก็ได้แค่ถามกลับไปว่าเท่าไหร่ ราคาแรกที่ได้ยินคือ 2,600 หยวน ตีเป็นเงินไทยก็ 13,000 บาท พระเจ้าจอร์จมันแพงมาก อย่างไรก็ตาม ก็ไม่วายเห็นกองเชียร์ชาวสเปนควักแบงค์หยวนปึกหนึ่งยื่นให้แก่นักเก็งกำไรกรีดนับ ก่อนรับตั๋วเข้าสนามกันไป
เดินไปได้อีกสักพักก็เห็นบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าตั๋วผี ยืนจับกลุ่มสอดส่ายสายตาหาเหยื่อกันอยู่ โดยราคาที่ผ่านหูเรามาประมวลได้ว่าแพงกว่าราคาหน้าตั๋วถึง 10 เท่า อย่าง 150 ก็เปิดซะ 1,500 หยวน แพงสุดคือ 3,000 หยวน เราจึงตัดสินใจยืนสังเกตการณ์เฉยๆ ดีกว่า และก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชะตาที่เป็นชาวจีน มีการแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเล็กน้อย โดยหนุ่มใหญ่ที่ถือป้ายคล้องคอเพื่อประกาศจุดประสงค์ บอกกับเราว่าราคาดังกล่าวแพงเกินไป เขามาหาตั๋วในราคาแค่หลักร้อยเหมือนกัน ซึ่งเราก็ได้แต่พูดในใจกับเฮียแกไปว่า กลับไปดูการถ่ายทอดสดที่บ้านเถอะครับ ตั๋วผีที่นี่โก่งราคากันแพงบรรลัย