ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ครั้งที่ 29 อันยิ่งใหญ่ที่สนามกีฬาแห่งชาติในกรุงปักกิ่ง หรือ สนามรังนก (Bird’s Nest) ซึ่งภายหลัง จาง อี้ โหมว ยอดผู้กำกับชั้นนำของโลกผู้ดูแลการแสดงในพิธีเปิด “ปักกิ่งเกมส์” ออกมาตอบคำถามสื่อมวลชน ผ่านการถ่ายทอดสดช่อง CCTV 5
จาง อี้ โหมว จับมือ จาง อี้ กัง และ เฉิน เหวย หย่า อีกสองผู้กำกับ ออกมากล่าวต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนหลายชาติที่เดินทางเข้าไปทำข่าวพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสิ่งแรก จาง อี้ โหมว รู้สึกพอใจกับผลงานที่ออกมา และก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคน ด้าน จาง จี้ กัง ยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกัน ส่วน เฉิน เหวย หย่า เผยว่างานนี้ค่อนข้างยากมาก ทว่าเรามีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน นี่เป็นทีมงานที่ดี มีความอดทนร่วมกันทำงาน
จากนั้นนักข่าวจากหลายสำนักก็เริ่มป้อนคำถาม เริ่มจากทำไมต้องเป็นเพลง “หว่อ เหอ หนี่” ซึ่งแปลว่า “ฉันกับเธอ” แทนที่จะเป็นเพลง “เป่ยจิง ฮวนอิ๋ง หนี่” ที่แปลว่า “ปักกิ่งยินดีต้อนรับคุณ” และก็ได้คำตอบดังนี้
“ที่ผ่านมาเราพยายามหาสิ่งต่างๆ มากมาย เรามีความคิดอยู่มากมาย และเมื่อหนึ่งในผู้กำกับของเราได้ฟังเพลงนี้ เขาก็รู้สึกชอบมากและส่งมาให้เราได้ฟัง เราลงความเห็นว่านี่เป็นเพลงที่มีความหมายดี จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเพลงนี้ (การขับขานเพลงโอลิมปิกของ ซาราห์ ไบรท์แมน และ หลิว ฮวน)”
สื่อญี่ปุ่นถามถึงการเลือกเอา หลี่ หนิง อดีตยอดนักกีฬายิมนาสติกของจีน ที่คว้าถึง 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ใน “ลอสแองเจลลิสเกมส์” ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1984 เป็นผู้เหยียบเมฆขึ้นไปจุดคบเพลิงโอลิมปิก
“การลอยตัวขึ้นไปสูงขนาดนั้นถือว่ายากมาก ที่เราไม่เลือกนักกีฬาในปัจจุบันเพราะพวกเขาไม่มีเวลาซ้อมขนาดนั้น เราจึงเลือกคนที่เกษียณไปแล้วและมีเกียรติประวัติที่ดี มีพื้นฐานด้วยยิ่งดี การลอยตัวเป็นเรื่องที่พิเศษมากดังนั้นจึงมีคนเสนอ หลี่ หนิง ที่มีความพยายามเป็นพิเศษ หลังจากเลิกงาน (หลี่ หนิง เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขายเครื่องกีฬาในแบรนด์ของตัวเองที่จีน) เขามาฝึกซ้อมจนถึงตีหนึ่งตีสอง ต้องมาฝึกทุกท่าจนไม่พลาด คุณหลี่ รู้ถึงความสำคัญของหน้าที่นี้ และมันก็ไม่ง่ายเลยที่ต้องวิ่งขึ้นไปในลักษณะเหยียบเมฆหนึ่งรอบระยะทาง 500 เมตร โดยต้องใช้เวลาเพียง 3.10 นาที ดังนั้นเช้าๆ เราจึงมักเห็น คุณหลี่ ยังคงซ้อมหมุนอยู่”
นักข่าวเกาหลีใต้ก็ถามถึงไอเดียของการแสดงในพิธีเปิด “ปักกิ่งเกมส์”
“เราต้องการแสดงออกถึงวัฒนธรรมจีน ตอนนี้มีคนจากทั้วโลกมายังประเทศแห่งนี้ พวกคุณก็น่าจะอยากเห็นความเป็นจีน เราหารือกันอยู่หลายรอบว่าต้องการใช้เนื้อหาวัฒนธรรมจีนเป็นหลัก เราอยากให้มันประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งโลก ส่วนเรื่องที่เราใช้คนเป็นจำนวนมาก เพราะนี่เป็นสนามที่ใหญ่ มีลานที่ใหญ่ เราไม่สามารถใช้คนแสดงน้อยๆ ได้เลย โดยศิลปะของลานกว้างเราอยากนำเอาศิลปะมาบวกกับอารมณ์ ความรู้สึก”
เมื่อถูกถามถึงการเปิดม้วนกระดาษเพื่อเล่าเรื่องต่างๆ
“สองปีมานี้เราคิดอะไรสารพัดอย่าง เราพยายามคิดถึงเรื่องของสัญลักษณ์ เราชอบเรื่องของพู่กันจีน จึงอยากให้มีภาพวาดกางอยู่ในสนามและเราก็อยากให้มีคนเข้ามาประกอบ (วาดลายพู่กัน) แต่ความคิดนี่ทีมงานก็มีการเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ จนมาได้ข้อสรุปอย่างที่เห็น”
นอกจากนี้ จาง จี้ กัง ยังเสริม จาง อี้ โหมว ในเรื่องของสัญลักษณ์ ห่วงโอลิมปิกทั้ง 5 ที่ลอยขึ้นมาจากพื้นอย่างเหลือเชื่อ
“ห่วงทั้ง 5 ของโอลิมปิกหลายครั้งแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น ครั้งที่เอเธนส์เกมส์ เราเคยเห็นไฟพุ่งไปในน้ำ เราอยากสร้างรูปห่วงขึ้นมาแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เราจึงสร้างเป็นตรีมขึ้นมาโดยมีคน 29 คนลอยลงมาจากอากาศ นี่เป็นไอเดียที่วิเศษ เราค่อยๆ เห็นห่วงทั้ง 5 ไหลขึ้นมาจากพื้นและตั้งตรงขึ้นลอยในอากาศ เราคิดว่าพวกคุณไม่มีใครคิดถึงรูปแบบนี้แน่”
อย่างไรก็ตาม นักข่าวชาวอเมริกัน จุดประเด็นความขัดแย้งกลายๆ ที่ว่าทำไม ถึงมีการข้ามบางตอนในประวัติศาสตร์ของจีนไป
ซึ่ง จาง อี้ โหมว ตอบได้ดี “สำหรับคืนนี้ ทุกอย่างเราต้องการความพร้อมที่สุด ไม่ต้องการเห็นความผิดพลาดแต่ก็ยังมีจุดผิดพลาดออกมาให้เห็นเล็กๆ น้อยๆ แม้นี่เป็นการเล่าเรื่องถึงวัฒนธรรมโบราณ แต่ครึ่งหลังของเราก็มีเรื่องของปัจจุบัน อย่างเช่นกังฟู แม้เป็นการต่อสู้ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ทุกวันนี้เราก็ยังเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็รู้ว่าคงไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้ทั้งหมด วัฒนธรรมในโลกคล้ายกันขึ้นทุกวัน เราต้องการความเป็นจีนที่แตกต่าง เราเลือกถ่ายทอดในรูปธรรม สุดท้ายเราพยายามทำให้เป็นจุดรวมของทั้งโลก แทนที่จะเป็นเรื่องของแค่ชนชาติเดียว”
สุดท้ายทีมงานค่อนข้างหนักใจ เนื่องจากมีรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็น มีฝนตกลงมาบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี “ถ้าฝนตกลงมาเราก็เตรียมชุดกันฝนกว่า 1 หมื่นชุดให้แก่บรรดานักกีฬา ตอนแรกเราเครียดมากทีเดียว แต่ก็มีการวางแผนรองรับสถานการณ์แบบนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งทุกฝ่ายยินดีที่พิธีเปิดการแข่งขันออกมาได้ดี”
จาง อี้ โหมว จับมือ จาง อี้ กัง และ เฉิน เหวย หย่า อีกสองผู้กำกับ ออกมากล่าวต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนหลายชาติที่เดินทางเข้าไปทำข่าวพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสิ่งแรก จาง อี้ โหมว รู้สึกพอใจกับผลงานที่ออกมา และก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคน ด้าน จาง จี้ กัง ยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกัน ส่วน เฉิน เหวย หย่า เผยว่างานนี้ค่อนข้างยากมาก ทว่าเรามีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน นี่เป็นทีมงานที่ดี มีความอดทนร่วมกันทำงาน
จากนั้นนักข่าวจากหลายสำนักก็เริ่มป้อนคำถาม เริ่มจากทำไมต้องเป็นเพลง “หว่อ เหอ หนี่” ซึ่งแปลว่า “ฉันกับเธอ” แทนที่จะเป็นเพลง “เป่ยจิง ฮวนอิ๋ง หนี่” ที่แปลว่า “ปักกิ่งยินดีต้อนรับคุณ” และก็ได้คำตอบดังนี้
“ที่ผ่านมาเราพยายามหาสิ่งต่างๆ มากมาย เรามีความคิดอยู่มากมาย และเมื่อหนึ่งในผู้กำกับของเราได้ฟังเพลงนี้ เขาก็รู้สึกชอบมากและส่งมาให้เราได้ฟัง เราลงความเห็นว่านี่เป็นเพลงที่มีความหมายดี จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเพลงนี้ (การขับขานเพลงโอลิมปิกของ ซาราห์ ไบรท์แมน และ หลิว ฮวน)”
สื่อญี่ปุ่นถามถึงการเลือกเอา หลี่ หนิง อดีตยอดนักกีฬายิมนาสติกของจีน ที่คว้าถึง 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ใน “ลอสแองเจลลิสเกมส์” ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1984 เป็นผู้เหยียบเมฆขึ้นไปจุดคบเพลิงโอลิมปิก
“การลอยตัวขึ้นไปสูงขนาดนั้นถือว่ายากมาก ที่เราไม่เลือกนักกีฬาในปัจจุบันเพราะพวกเขาไม่มีเวลาซ้อมขนาดนั้น เราจึงเลือกคนที่เกษียณไปแล้วและมีเกียรติประวัติที่ดี มีพื้นฐานด้วยยิ่งดี การลอยตัวเป็นเรื่องที่พิเศษมากดังนั้นจึงมีคนเสนอ หลี่ หนิง ที่มีความพยายามเป็นพิเศษ หลังจากเลิกงาน (หลี่ หนิง เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขายเครื่องกีฬาในแบรนด์ของตัวเองที่จีน) เขามาฝึกซ้อมจนถึงตีหนึ่งตีสอง ต้องมาฝึกทุกท่าจนไม่พลาด คุณหลี่ รู้ถึงความสำคัญของหน้าที่นี้ และมันก็ไม่ง่ายเลยที่ต้องวิ่งขึ้นไปในลักษณะเหยียบเมฆหนึ่งรอบระยะทาง 500 เมตร โดยต้องใช้เวลาเพียง 3.10 นาที ดังนั้นเช้าๆ เราจึงมักเห็น คุณหลี่ ยังคงซ้อมหมุนอยู่”
นักข่าวเกาหลีใต้ก็ถามถึงไอเดียของการแสดงในพิธีเปิด “ปักกิ่งเกมส์”
“เราต้องการแสดงออกถึงวัฒนธรรมจีน ตอนนี้มีคนจากทั้วโลกมายังประเทศแห่งนี้ พวกคุณก็น่าจะอยากเห็นความเป็นจีน เราหารือกันอยู่หลายรอบว่าต้องการใช้เนื้อหาวัฒนธรรมจีนเป็นหลัก เราอยากให้มันประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งโลก ส่วนเรื่องที่เราใช้คนเป็นจำนวนมาก เพราะนี่เป็นสนามที่ใหญ่ มีลานที่ใหญ่ เราไม่สามารถใช้คนแสดงน้อยๆ ได้เลย โดยศิลปะของลานกว้างเราอยากนำเอาศิลปะมาบวกกับอารมณ์ ความรู้สึก”
เมื่อถูกถามถึงการเปิดม้วนกระดาษเพื่อเล่าเรื่องต่างๆ
“สองปีมานี้เราคิดอะไรสารพัดอย่าง เราพยายามคิดถึงเรื่องของสัญลักษณ์ เราชอบเรื่องของพู่กันจีน จึงอยากให้มีภาพวาดกางอยู่ในสนามและเราก็อยากให้มีคนเข้ามาประกอบ (วาดลายพู่กัน) แต่ความคิดนี่ทีมงานก็มีการเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ จนมาได้ข้อสรุปอย่างที่เห็น”
นอกจากนี้ จาง จี้ กัง ยังเสริม จาง อี้ โหมว ในเรื่องของสัญลักษณ์ ห่วงโอลิมปิกทั้ง 5 ที่ลอยขึ้นมาจากพื้นอย่างเหลือเชื่อ
“ห่วงทั้ง 5 ของโอลิมปิกหลายครั้งแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น ครั้งที่เอเธนส์เกมส์ เราเคยเห็นไฟพุ่งไปในน้ำ เราอยากสร้างรูปห่วงขึ้นมาแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เราจึงสร้างเป็นตรีมขึ้นมาโดยมีคน 29 คนลอยลงมาจากอากาศ นี่เป็นไอเดียที่วิเศษ เราค่อยๆ เห็นห่วงทั้ง 5 ไหลขึ้นมาจากพื้นและตั้งตรงขึ้นลอยในอากาศ เราคิดว่าพวกคุณไม่มีใครคิดถึงรูปแบบนี้แน่”
อย่างไรก็ตาม นักข่าวชาวอเมริกัน จุดประเด็นความขัดแย้งกลายๆ ที่ว่าทำไม ถึงมีการข้ามบางตอนในประวัติศาสตร์ของจีนไป
ซึ่ง จาง อี้ โหมว ตอบได้ดี “สำหรับคืนนี้ ทุกอย่างเราต้องการความพร้อมที่สุด ไม่ต้องการเห็นความผิดพลาดแต่ก็ยังมีจุดผิดพลาดออกมาให้เห็นเล็กๆ น้อยๆ แม้นี่เป็นการเล่าเรื่องถึงวัฒนธรรมโบราณ แต่ครึ่งหลังของเราก็มีเรื่องของปัจจุบัน อย่างเช่นกังฟู แม้เป็นการต่อสู้ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ทุกวันนี้เราก็ยังเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็รู้ว่าคงไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้ทั้งหมด วัฒนธรรมในโลกคล้ายกันขึ้นทุกวัน เราต้องการความเป็นจีนที่แตกต่าง เราเลือกถ่ายทอดในรูปธรรม สุดท้ายเราพยายามทำให้เป็นจุดรวมของทั้งโลก แทนที่จะเป็นเรื่องของแค่ชนชาติเดียว”
สุดท้ายทีมงานค่อนข้างหนักใจ เนื่องจากมีรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็น มีฝนตกลงมาบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี “ถ้าฝนตกลงมาเราก็เตรียมชุดกันฝนกว่า 1 หมื่นชุดให้แก่บรรดานักกีฬา ตอนแรกเราเครียดมากทีเดียว แต่ก็มีการวางแผนรองรับสถานการณ์แบบนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งทุกฝ่ายยินดีที่พิธีเปิดการแข่งขันออกมาได้ดี”