คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ประเดิมฤดูกาลใหม่วันเวลาคืบผ่านมาถึงช่วงกลางปีนี้วงการกีฬาของสเปนดูคึกคักไม่หยอกในสายตาของผม เริ่มจากการป้องกันแชมป์ “เฟรนช์ โอเพ่น” ได้สำเร็จของ ราฟาเอล นาดาล “คิง ออฟ เคลย์” แห่งวงการเทนนิสซึ่งคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ประเทศฝรั่งเศสได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันเทียบเท่าสถิติเดิมของ บียอร์น บอร์ก ตำนานนักหวดลูกสักหลาดชาวสวีดิชเคยทำเอาไว้
ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันในเดือนมิถุนายนคอกีฬา “กระทิงดุ” ได้เฮกันสุดตัวเมื่อเห็น เฟอร์นานโด ตอร์เรส เพชฌฆาตหน้าหยกเบียดทาง ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กจอมบุก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เข้าไปจิ้มบอลผ่านมือ เยนส์ เลห์มันน์ ซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 33 ช่วยให้ สเปน เถลิงแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประจำปี 2008 ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดครั้งที่ 2 นับย้อนไปตอนวันหวานยังหวานอยู่เมื่อ 44 ปีก่อน (ปี 1964)
มาเมื่อสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ แฟนๆ หลายคนคงไม่พลาด “มหากาฬ” แห่งวงการเทนนิสและก็ต้องยกนิ้วให้ นาดาล ที่ล้ม โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 1 ของโลกชาวสวิสดีกรีแชมป์เก่า 5 สมัยลงได้ 3-2 เซต ครองแชมป์ “วิมเบิลดัน” แกรนด์สแลมที่ออล อิงแลนด์ คลับ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาชีพ จึงทำให้ผมฉุกคิดขึ้นในใจ เอ๊ะ!!! นี่มันปีทองของแวดวงกีฬาสเปนชัดๆ
เพราะเพียงแค่จั่วหัวการแข่งขัน “ตูร์ เดอ ฟรองซ์” จักรยานทางไกลหฤโหด อเลฮานโดร บัลเบร์เด น่องเหล็กชาวสเปนของทีมไซส์ เดอปาร์เญ คว้าแชมป์สเตจแรกมาครอง ได้สวมเสื้อเหลืองประเดิมประจำปี 2008 แม้จบสเตจที่ 4 เวลารวมของ บัลเบร์เด หล่นไปรั้งที่ 17 แต่ยังมีนักปั่นเลือดกระทิงดุอย่าง โฮเซ อีบัน กูเตียเรซ ไล่หลังผู้นำชาวเยอรมนี สเตฟาน ชูมัคเกอร์ แค่ 1.01 นาที ขณะที่ ออสการ์ เปไรโร ซิโต, บัลเดร์เด รวมถึงนักปั่นเพื่อนร่วมชาติรายอื่นๆ ต่างอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทั้งนั้นในเมื่อยังเหลืออีกหลายพันไมล์กว่าจะถึงเส้นชัยในสเตจที่ 21
นอกจากนี้ในเดือนหน้าแฟนๆ กีฬาชาวสเปนเตรียมตั้งตารอลุ้นความสำเร็จกันอีกครั้ง เมื่อทีมยัดห่วง “กระทิงดุ” มีคิวไปล่าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยแรกที่จีนระหว่างวันที่ 8-24 สิงหาคมนี้ นับตั้งแต่บรรจุ “บาสเกตบอล” ไว้ในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1936 จวบจนถึงการแข่งขันที่กรีซเมื่อสี่ปีก่อน ปรากฏว่า สหรัฐอเมริกา หยิบเค้กก้อนโตไปครองด้วยการคว้าแชมป์ถึง 12 สมัย แบ่งให้ สหภาพโซเวียต ลิ้มรสความสำเร็จ 2 ครั้ง ขณะที่ ยูโกสลาเวีย และอาร์เจนตินา เอาเหรียญทองไปคล้องคอทีมละหนึ่งหน ส่วน สเปน ทำดีที่สุดเพียงเหรียญเงินครั้ง “ลอสแองเจลลิส เกมส์” ปี 1984 หลังปราชัยต่อเจ้าถิ่นมะกัน
จากนั้นผลงานของสเปนในกีฬาโอลิมปิกกระท่อนกระแท่นจนมาถึง “เอเธนส์เกมส์” ทัพยัดห่วงกระทิงโชว์ฟอร์มดุสมชื่อกวาดชัยในรอบแรกทั้ง 5 เกมเหนือ จีน, อาร์เจนตินา, อิตาลี, เซอร์เบีย และนิวซีแลนด์ เข้ารอบอย่างสง่าผ่าเผยในอันดับ 1 กลุ่มเอ มีลุ้นไปสู่ฝั่งฝันที่รอคอย ทว่าความห่วยแตกของ “ดรีมทีม” ที่พ่ายถึง 2 เกมในรอบแรกเข้ารอบเป็นที่ 4 ของกลุ่มบี ทำให้ทั้งคู่ไขว้ไปเจอกันอย่างไม่ตั้งใจในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนทีมแห่งความฝันขุนฟอร์มเอาชนะ 102-94 คะแนน เข้าไปซิวเหรียญทองแดงปลอบใจ ขณะที่สเปนเจื่อนสนิทได้แค่อันดับ 7
อย่างไรก็ตาม อีกสองปีให้หลัง สเปน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานาในเมืองไซตามะ ญี่ปุ่น ประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกมาครองด้วยการเก็บชัยชนะทั้ง 9 เกมรวดรวมถึงนัดชิงชนะเลิศที่สอนเชิง กรีซ เบาะๆ 70-47 คะแนน ครั้งนั้น พาว กาซอล เซ็นเตอร์ เมมฟิส กริซลีย์ส (สมัยนั้น) คว้าตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ขณะที่ ฮอร์เก การ์บายอซา ฟอร์เวิร์ดจาก โตรอนโต แร็พเตอร์ส ติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลก 2006 ที่สำคัญ สเปน เกือบสร้างปรากฏการณ์ได้อีกในปีถัดมาเมื่อได้เป็นเจ้าภาพ “ยูโรบาสเกต 2007” ทว่าลูกทีมของ โฮเซ บิเซนเต “เปปู” เฮอร์นานเดซ ดันไปบ้อท่าในรอบชิงชนะเลิศโดน “หมีขาว” รัสเซีย ที่นำมาโดย อังเดร คิริเลนโก และวิคเตอร์ คิรียาปา ขย้ำชัยไปแบบเจ็บกระดองใจ 60-59 คะแนน
อย่างไรก็ดี ด้วยฟอร์มการเล่นในระยะหลังที่ยอดเยี่ยม การเล่นร่วมกันมานานของผู้เล่นตัวหลักอย่างสองพี่น้อง “กาซอล” พาว-มาร์ค, ฮวน คาร์ลอส นาบาร์โร, โฮเซ กัลเดรอน, ฮอร์เก การ์บายอซา หรือว่า รูดี เฟอร์นานเดซ ทำให้ สเปน ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 3 ตัวเต็งนอกเหนือจาก “แชมป์เก่า” อาร์เจนตินา และ “ดรีมทีม” สหรัฐฯ ที่จะผงาดขึ้นไปคว้าเหรียญทองใน “ปักกิ่งเกมส์” ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องมาดูกันว่า “กระทิงดุ” ยุคเปลี่ยนนายใหญ่จาก เปปู เฮอร์นานเดซ มาเป็น ไอโต การ์เซีย เรเนเซส จะขวิดชัยต่อเนื่องไปสู่ฝั่งฝันได้หรือไม่ เริ่มจากบททดสอบในรอบแรกที่ต้องเจอ ดรีมทีม, จีน (เจ้าภาพ), แองโกลา รวมถึง ทีมจากรอบควอลิฟายอีกสองทีม
4 ปีก่อนที่ดินแดนแห่งเทพนิยาย สเปน คว้ามาได้ 3 เหรียญทองจาก ดาวิด คัล (เรือแคนู / คายัค), เกอร์บาซิโอ ดีเฟร์ (ยิมนาสติก) และมาร์ติเนซ กับ เฟอร์นานเดซ (เรือใบ) แต่ใน “ปักกิ่งเกมส์ 2008” หนึ่งเกียรติยศสูงสุดจากอีกหนึ่งกีฬายอดนิยมอย่างบาสเกตบอลชายเพียงแค่เหรียญ (ทอง) เดียวก็น่าจะทำให้แฟนๆ ได้ฉลองกันสุดเหวี่ยงและถ้ามันเกิดขึ้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นปีทองของวงการกีฬา “กระทิงดุ” อย่างแท้จริง
ประเดิมฤดูกาลใหม่วันเวลาคืบผ่านมาถึงช่วงกลางปีนี้วงการกีฬาของสเปนดูคึกคักไม่หยอกในสายตาของผม เริ่มจากการป้องกันแชมป์ “เฟรนช์ โอเพ่น” ได้สำเร็จของ ราฟาเอล นาดาล “คิง ออฟ เคลย์” แห่งวงการเทนนิสซึ่งคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ประเทศฝรั่งเศสได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันเทียบเท่าสถิติเดิมของ บียอร์น บอร์ก ตำนานนักหวดลูกสักหลาดชาวสวีดิชเคยทำเอาไว้
ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันในเดือนมิถุนายนคอกีฬา “กระทิงดุ” ได้เฮกันสุดตัวเมื่อเห็น เฟอร์นานโด ตอร์เรส เพชฌฆาตหน้าหยกเบียดทาง ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กจอมบุก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เข้าไปจิ้มบอลผ่านมือ เยนส์ เลห์มันน์ ซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 33 ช่วยให้ สเปน เถลิงแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประจำปี 2008 ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดครั้งที่ 2 นับย้อนไปตอนวันหวานยังหวานอยู่เมื่อ 44 ปีก่อน (ปี 1964)
มาเมื่อสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ แฟนๆ หลายคนคงไม่พลาด “มหากาฬ” แห่งวงการเทนนิสและก็ต้องยกนิ้วให้ นาดาล ที่ล้ม โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 1 ของโลกชาวสวิสดีกรีแชมป์เก่า 5 สมัยลงได้ 3-2 เซต ครองแชมป์ “วิมเบิลดัน” แกรนด์สแลมที่ออล อิงแลนด์ คลับ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาชีพ จึงทำให้ผมฉุกคิดขึ้นในใจ เอ๊ะ!!! นี่มันปีทองของแวดวงกีฬาสเปนชัดๆ
เพราะเพียงแค่จั่วหัวการแข่งขัน “ตูร์ เดอ ฟรองซ์” จักรยานทางไกลหฤโหด อเลฮานโดร บัลเบร์เด น่องเหล็กชาวสเปนของทีมไซส์ เดอปาร์เญ คว้าแชมป์สเตจแรกมาครอง ได้สวมเสื้อเหลืองประเดิมประจำปี 2008 แม้จบสเตจที่ 4 เวลารวมของ บัลเบร์เด หล่นไปรั้งที่ 17 แต่ยังมีนักปั่นเลือดกระทิงดุอย่าง โฮเซ อีบัน กูเตียเรซ ไล่หลังผู้นำชาวเยอรมนี สเตฟาน ชูมัคเกอร์ แค่ 1.01 นาที ขณะที่ ออสการ์ เปไรโร ซิโต, บัลเดร์เด รวมถึงนักปั่นเพื่อนร่วมชาติรายอื่นๆ ต่างอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทั้งนั้นในเมื่อยังเหลืออีกหลายพันไมล์กว่าจะถึงเส้นชัยในสเตจที่ 21
นอกจากนี้ในเดือนหน้าแฟนๆ กีฬาชาวสเปนเตรียมตั้งตารอลุ้นความสำเร็จกันอีกครั้ง เมื่อทีมยัดห่วง “กระทิงดุ” มีคิวไปล่าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยแรกที่จีนระหว่างวันที่ 8-24 สิงหาคมนี้ นับตั้งแต่บรรจุ “บาสเกตบอล” ไว้ในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1936 จวบจนถึงการแข่งขันที่กรีซเมื่อสี่ปีก่อน ปรากฏว่า สหรัฐอเมริกา หยิบเค้กก้อนโตไปครองด้วยการคว้าแชมป์ถึง 12 สมัย แบ่งให้ สหภาพโซเวียต ลิ้มรสความสำเร็จ 2 ครั้ง ขณะที่ ยูโกสลาเวีย และอาร์เจนตินา เอาเหรียญทองไปคล้องคอทีมละหนึ่งหน ส่วน สเปน ทำดีที่สุดเพียงเหรียญเงินครั้ง “ลอสแองเจลลิส เกมส์” ปี 1984 หลังปราชัยต่อเจ้าถิ่นมะกัน
จากนั้นผลงานของสเปนในกีฬาโอลิมปิกกระท่อนกระแท่นจนมาถึง “เอเธนส์เกมส์” ทัพยัดห่วงกระทิงโชว์ฟอร์มดุสมชื่อกวาดชัยในรอบแรกทั้ง 5 เกมเหนือ จีน, อาร์เจนตินา, อิตาลี, เซอร์เบีย และนิวซีแลนด์ เข้ารอบอย่างสง่าผ่าเผยในอันดับ 1 กลุ่มเอ มีลุ้นไปสู่ฝั่งฝันที่รอคอย ทว่าความห่วยแตกของ “ดรีมทีม” ที่พ่ายถึง 2 เกมในรอบแรกเข้ารอบเป็นที่ 4 ของกลุ่มบี ทำให้ทั้งคู่ไขว้ไปเจอกันอย่างไม่ตั้งใจในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนทีมแห่งความฝันขุนฟอร์มเอาชนะ 102-94 คะแนน เข้าไปซิวเหรียญทองแดงปลอบใจ ขณะที่สเปนเจื่อนสนิทได้แค่อันดับ 7
อย่างไรก็ตาม อีกสองปีให้หลัง สเปน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานาในเมืองไซตามะ ญี่ปุ่น ประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกมาครองด้วยการเก็บชัยชนะทั้ง 9 เกมรวดรวมถึงนัดชิงชนะเลิศที่สอนเชิง กรีซ เบาะๆ 70-47 คะแนน ครั้งนั้น พาว กาซอล เซ็นเตอร์ เมมฟิส กริซลีย์ส (สมัยนั้น) คว้าตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ขณะที่ ฮอร์เก การ์บายอซา ฟอร์เวิร์ดจาก โตรอนโต แร็พเตอร์ส ติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลก 2006 ที่สำคัญ สเปน เกือบสร้างปรากฏการณ์ได้อีกในปีถัดมาเมื่อได้เป็นเจ้าภาพ “ยูโรบาสเกต 2007” ทว่าลูกทีมของ โฮเซ บิเซนเต “เปปู” เฮอร์นานเดซ ดันไปบ้อท่าในรอบชิงชนะเลิศโดน “หมีขาว” รัสเซีย ที่นำมาโดย อังเดร คิริเลนโก และวิคเตอร์ คิรียาปา ขย้ำชัยไปแบบเจ็บกระดองใจ 60-59 คะแนน
อย่างไรก็ดี ด้วยฟอร์มการเล่นในระยะหลังที่ยอดเยี่ยม การเล่นร่วมกันมานานของผู้เล่นตัวหลักอย่างสองพี่น้อง “กาซอล” พาว-มาร์ค, ฮวน คาร์ลอส นาบาร์โร, โฮเซ กัลเดรอน, ฮอร์เก การ์บายอซา หรือว่า รูดี เฟอร์นานเดซ ทำให้ สเปน ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 3 ตัวเต็งนอกเหนือจาก “แชมป์เก่า” อาร์เจนตินา และ “ดรีมทีม” สหรัฐฯ ที่จะผงาดขึ้นไปคว้าเหรียญทองใน “ปักกิ่งเกมส์” ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องมาดูกันว่า “กระทิงดุ” ยุคเปลี่ยนนายใหญ่จาก เปปู เฮอร์นานเดซ มาเป็น ไอโต การ์เซีย เรเนเซส จะขวิดชัยต่อเนื่องไปสู่ฝั่งฝันได้หรือไม่ เริ่มจากบททดสอบในรอบแรกที่ต้องเจอ ดรีมทีม, จีน (เจ้าภาพ), แองโกลา รวมถึง ทีมจากรอบควอลิฟายอีกสองทีม
4 ปีก่อนที่ดินแดนแห่งเทพนิยาย สเปน คว้ามาได้ 3 เหรียญทองจาก ดาวิด คัล (เรือแคนู / คายัค), เกอร์บาซิโอ ดีเฟร์ (ยิมนาสติก) และมาร์ติเนซ กับ เฟอร์นานเดซ (เรือใบ) แต่ใน “ปักกิ่งเกมส์ 2008” หนึ่งเกียรติยศสูงสุดจากอีกหนึ่งกีฬายอดนิยมอย่างบาสเกตบอลชายเพียงแค่เหรียญ (ทอง) เดียวก็น่าจะทำให้แฟนๆ ได้ฉลองกันสุดเหวี่ยงและถ้ามันเกิดขึ้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นปีทองของวงการกีฬา “กระทิงดุ” อย่างแท้จริง