“ปีเตอร์ รีด” คุณดีพอหรือ?

แทบจะในทันทีที่ วรวีร์ มะกูดี ประมุขสมาคมลูกหนังไทย ประกาศชื่อ ปีเตอร์ รีด อดีตตำนานนักเตะของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของทีมชาติไทย ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นเป็นวงกว้างในวงการฟุตบอลไทย ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการายวันได้รวบรวมความคิดเห็นจากบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการ เพื่อให้แฟนริมสนามได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งก่อนที่โค้ชสัญชาติอังกฤษรายนี้จะเดินทางคุมหางเสือลูกหนังไทยอย่างเบ็ดเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้

ความคิดเห็นแรกเป็นของคนคุ้นเคยอย่าง "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยหมาดๆ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับวงการฟุตบอลในประเทศโดยกล่าวว่า "ผมในฐานะแฟนฟุตบอลชาวไทย ก็มองว่าเรื่องนี้คนไทยต้องดีใจ เพราะด้วยประสบการณ์ และดีกรีระดับ ปีเตอร์ รีด เขาผ่านงานคุมทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้ว"

แต่สิ่งที่ "โค้ชหรั่ง" อดห่วงแทนกุนซือชาวอังกฤษไม่ได้คือเรื่องความกดดัน "จริงๆ คนระดับ ปีเตอร์ รีด เขาอาจจะไม่มีความกดดันก็ได้ ซึ่งผมไม่รู้จักกับเขาโดยส่วนตัว แต่ก็อดห่วงแทนไม่ได้ว่าเรามีปัญหาเรื่องการไม่รู้จักอดทน รอคอย อย่างผมทำงานมาแค่ 2 ปี ก็ต้องอำลาทีมชาติ ส่วน ปีเตอร์ รีด จะมาทำงานกับทีมชาติไทยถึง 4 ปี ตามสัญญา ถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ทีนี้มองว่ามันไม่ง่าย อย่างเรากำลังจะต้องลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2011 รอบคัดเลือกในเดือนกันยายนนี้ที่เราต้องอยู่ร่วมสายอี กับ อิหร่าน, จอร์แดน และสิงคโปร์ หากว่าทำผลงานได้ไม่ดี แฟนฟุตบอลยังจะให้โอกาส ปีเตอร์ รีด ต่อไปหรือไม่? ซึ่งผมยังสงสัยอยู่"

ด้าน "เสือเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ อดีตหัวหอกทีมชาติไทยที่ผันตัวไปเป็นคอมเมนเตเตอร์ในเกมลูกหนังทางจอแก้ว ออกอาการเป็นกังวลเกี่ยวกับการมาทำหน้าที่ของกุนซือคนดังเช่นกัน "แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วจะมองว่าเป็นข่าวดี แต่ผมมองว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมในเรื่องของฟุตบอลระหว่าง นักเตะไทย กับกุนซือต่างชาติคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาปรับเข้าหากัน อย่างน้อยก็ 1 ปี ดังนั้นเราต้องรู้จักรอคอย และให้เวลากับเขาเหมือนกัน"

"ผมคิดว่าคงไม่มีใกล้กล้าไปดูถูกฝีมือของกุนซือระดับ รีด แต่ต้องไม่ลืมว่าแฟนฟุตบอลของทีมชาติไทยนั้นกระหายความสำเร็จของฟุตบอลอยู่มาก อย่าเพิ่งไปพูดถึงระดับฟุตบอลโลก เอาแค่ระดับเอเชียก่อนเลย เพราะตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมา เรายังไม่มีความสำเร็จระดับเอเชียเลย มันจึงเป็นปัญหาใหญ่อยู่เหมือนกัน สำหรับกุนซือต่างชาติคนนี้"

นอกจากนี้ "เสือเตี้ย" ยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่า "การมาของ รีด เบื้องต้นน่าจะเป็นผลดีกับทีมชาติไทย เพราะถือเป็นการกระตุ้นนักเตะไปด้วย แต่ระยะยาวผมยังเป็นห่วงอยู่ว่าด้วยโครงสร้างฟุตบอลในประเทศแบบนี้ ฟุตบอลลีกอาชีพ เราก็ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างเท่าไร เขาจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน รีด คงเปลี่ยนทีมไม่ได้ในชั่วข้ามคืน ความหวังที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยไปสู่ระดับสากล ก็ต้องขึ้นอยู่กับการปรับโครงสร้างฟุตบอลในสมาคมฟุตบอลด้วย ซึ่งผมไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน"

ขณะที่ "เดอะ มาสเตอร์" จเด็จ มีลาภ หัวหน้าโค้ชทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี แชมป์เก่าของศึกลูกหนังไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ถึงกับออกมาติติงการประกาศตั้งอดีตกุนซือ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ในการคุมทีมชาติไทยว่า

"ผมก็ไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรกันอยู่ เพียงแต่ผมสงสัยเหลือเกินว่าโค้ชฟุตบอลสไตล์อังกฤษ จะทำงานเข้ากับทีมชาติไทยได้อย่างไร ผมว่าถึงตอนนี้เราควรจะมีสไตล์การเล่นฟุตบอลที่เป็นของตัวเองได้แล้ว บอกตามตรงโดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบฟุตบอลสไตล์อังกฤษเลย เพราะเป็นฟุตบอลที่ใช้พละกำลังวิ่งเข้าหาลูกฟุตบอล เน้นเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกาย ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะกับทีมชาติไทย แต่หากอยากได้โค้ชต่างชาติจริงๆ ผมมองว่าโค้ชจากยุโรปอย่าง ฮอลแลนด์ หรือ สเปน ที่เน้นการเล่นฟุตบอลกับพื้นน่าจะเข้ากับสรีระการเล่นฟุตบอลของคนไทยได้ดีกว่า"

"เมืองไทยเราทำฟุตบอลกันน่ากลัว มันเป็นเหมือนเมืองที่เกิดมาเพื่อฆ่าโค้ช คือพอให้คุมทีมไปสักระยะ ผลงานไม่ดีก็จ้องจะปลดกันออก ดังนั้นผมอยากให้ผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอลปรับเปลี่ยนแนวความคิดใหม่ต้องให้เวลาทำงานอย่างต่อเนื่อง หากผลงานไม่เข้าตาอย่าไปโทษโค้ชโทษนักเตะ อยากให้มองดูปัญหาด้วยว่าเกิดจากตรงไหน"

โดย "เดอะ มาสเตอร์" ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจถึงกรณีนี้ว่า "ผมทราบดีว่าแฟนฟุตบอลชาวไทยต่างก็คาดหวังสูงกับทีมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามองเห็น ณ วันนี้คือฟุตบอลไทยยังไม่มีฟุตบอลอาชีพ มันอยู่ในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้น แล้วจะเอา ปีเตอร์ รีด มาทำทีมเพื่อหวังไปฟุตบอลโลก 2014 หรือหลังจากนั้น ผมมองว่ามันยากมาก และ ปีเตอร์ รีด ก็ไม่ใช่ทางลัดสำหรับฟุตบอลโลกด้วย"