นับเป็นความเหมือนบนสถานะที่ต่างกันระหว่างเชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองสโมสรฟุตบอลในจำนวน 8 ทีมของพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ หากย้อนกลับไปในวันที่ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ผู้มีเบื้องหลังไม่ค่อยจะโสภาเข้ามาครอบครองอาณาจักรสแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังซื้อหุ้นทั้งหมดจาก เคน เบตส์ เจ้าของเดิมในเดือนมิถุนายนปี 2003 ห้วงเวลาดังกล่าวประธานสโมสรชาวรัสเซียดูจะไม่เป็นที่แฮปปี้ของแหนสิงห์บลูส์สักเท่าไร แต่ด้วยผลงานและงบประมาณชนิดจ่ายไม่อั้นจนทำให้ เชลซี ขึ้นทำเนียบทีมบิ๊กโฟร์ของเกาะอังกฤษ ดูจะทำให้มุมมองของแฟนบอลที่มีต่อ อบราโมวิชเปลี่ยนไป
ถัดจากนั้นอีก 4 ฤดูกาลมหาเศรษฐีชาวไทยนาม ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ได้น้อยหน้า อบราโมวิช ใช้เวลาที่ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านเกิดสร้างข่าวเพื่อไม่ให้เรื่องของตนเองตกจากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในเมืองไทยด้วยการเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลที่ใกล้จะร่วงตกชั้นอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นการเข้าซื้อชนิดสร้างข้อกังขาให้กับแฟนบอลในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ มิใช่น้อย หากแต่ความต้องการเห็นทีมมีพื้นที่อยู่ต่อในพรีเมียร์ลีก ทำให้พวกเขาสงบปากสงบใจบางรายถึงกับออกปากว่า “แม้ว่าเขาจะมีข้อกล่าวหาเรื่องคอรัปชั่นติดตัวมาแต่ถ้าช่วยให้แมนฯซิตี้ดีขึ้นพวกเราก็ยอมรับ”
สถานการณ์ของเชลซี หลังจากอบราโมวิช ขึ้นเป็นประธานสโมสรเขาให้โอกาส รานิเอรี่ เพียงหนึ่งฤดูกาลในการคุมทีมก่อนจะปลดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาของ โฮเซ มูรินโญ ผู้พาเอฟซี ปอร์โต้ คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ถึงแม้ว่า มูรินโญ จะพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษได้ถึงสองฤดูกาล มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ก็ยังไม่พอใจและพยายามเข้ามาล้วงลูกในการซื้อนักฟุตบอลเข้าทีมจนเป็นเหตุให้มูรินโญ ถูกปลดกลางอากาศท่ามกลางความเสียดายของแฟนบอล
เหตุการณ์ล้วงลูกที่เกิดขึ้นกับสโมสรเชลซี นั้นไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งถูกขายให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2007 แต่ ณ เวลาที่แมนฯซิตี้ถูกขายนั้น อยู่ในอันดับที่ 14 ของตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษห่างจากโซนตกชั้นไม่เท่าไร ขณะที่ทีม "เชลสกี้" นั้นเข้าชิงถ้วยใหญ่ถึงสองใบ ขณะที่อันดับในตารางพรีเมียร์ลีกก็อยู่ในท้อป 10 และภายหลังจากที่มูรินโญ เข้ามาคุมสโมสรแห่งนี้เขาก็สามารถพาทีมเถลิงแชมป์บอลลีกสูงสุดของประเทศได้ถึงสองฤดูกาล
เมื่อนำภาพของทั้งสองทีมมาเปรียบเทียบกันจะเห็นว่า สเวน โกรัน อิริคส์สัน อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ ผู้มีประวัติการทำงานอันยอดเยี่ยมในการพาทีมลาซิโอ คว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย และ อิตาเลียน ซูเปอร์คัพในปี 1998 และ 2000 อยู่ในสถานการณ์ที่หนักกว่าที่สำคัญนักเตะของเรือใบสีฟ้า ณ เวลานั้นมิได้มีประสิทธิภาพมากเท่ากับของเชลซี ขณะที่เจ้าของสโมสรคนใหม่ให้เงินเพื่อช้อปปิ้งนักเตะเพียง 50 ล้านปอนด์ เป็นจำนวนเพียงครึ่งเดียวกับที่ อบราโมวิช ทุ่มให้เชลซี ในฤดูกาลแรก
แม้จะถูกบีบคั้นจากทุกด้านแต่ท้ายที่สุด สเวน สามารถเรียกสปิริต ของทีมกลับให้มาสู้ศึกและพาขึ้นจากอันดับในโซนก้นตารางมาอยู่ระดับท้อปเทนของพรีเมียร์ลีกได้ในที่สุด แต่ด้วยนิสัยของประธานสโมสรที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่องว่าเป็นจอมวางอำนาจหรือที่คนอังกฤษขนานนามให้ว่า "Power Crazy" ไม่พอใจกับเพียงแค่อันดับในท้อปเทน ขณะเดียวกันได้วิจารณ์งานของผู้จัดการทีมชาวสวีเดนว่าไม่ค่อยเข้าตาผ่านสื่อมวลชนในเมืองไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจในมุมมองของแฟนบอลอังกฤษ และกุนซือที่ชื่อสเวน
สุดท้ายเมื่อใกล้จบฤดูกาลพร้อมกับข่าวปลด สเวน ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแพร่สะพัดไปทั่วถิ่นซิตี้ออฟ แมนเชสเตอร์ แฟนบอลเรือใบสีฟ้าที่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่สนใจเบื้องลึกเบื้องหลังของอดีตนายกฯชาวไทย มาถึงวันนี้ภาพในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ จึงเปลี่ยนไปบรรดาแฟนบอลแสดงจุดยืนไม่ต้องการให้ปลดสเวนและต่อต้านการเข้ามาล้วงลูกของประธานสโมสร ด้วยการชูภาพการ์ตูนที่เป็นหน้าของ สเวน รวมถึงป้ายผ้าที่ต้องการส่งข้อความไปถึงประธานสโมสรอาทิ “Hey, Thaksin, leave our Sven alone,” “เฮ้ย! ทักษิณ อย่ามายุ่งกับ สเวน ของเรา” หรือ “I'd rather say goodbye to the Thai,” ที่มีความหมายเหมือนจะขอบอกลาเจ้าของสโมสรชาวไทย
ดูเหมือนว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ใช้เวลาเพียงแค่ฤดูกาลเดียวแฟนบอลเรือใบสีฟ้าก็ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาอันมีเนื้อในที่ต้องการทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝันกลางแดดที่จะนำนักฟุตบอลไทยลงสนามพรีเมียร์ลีก ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้แม้แต่เวิร์คเพอร์มิต หรือบทสัมภาษณ์ในทำนองที่จะผลักดันให้แมนฯซิตี้เป็นทีมชั้นนำของอังกฤษ แต่ให้เงินสเวนไปช้อปปิ้งนักเตะแบบเสียมิได้ รวมไปถึงการใช้ข้ออ้างในฐานะเจ้าของสโมสรฟุตบอลเพื่อเดินทางออกนอกประเทศขณะยื่นประกันตัว ทั้งหมดนี้กลายเป็นบทเรียนที่สอนให้แฟนบอลอังกฤษได้รู้จักธาตุแท้ของอดีตนายกฯชาวไทย ผู้พยายามเริ่มต้นด้วยการใช้เงินซื้อศรัทธา แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ลืมไปว่าการได้ใจคนต้องแลกมาด้วยความจริงใจเท่านั้น