xs
xsm
sm
md
lg

‘โค้ชคู่บุญ’ ของดีหายาก วงการเทนนิส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจมส์ เบล็ค
ช่วงเวลาสองสามฤดูกาลที่ผ่านมานี้วงการเทนนิสมีข่าวการแยกทางระหว่างโค้ชกับผู้เล่นระดับท้อปมาแล้วหลายต่อหลายคู่ อาทิ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ โทนี่ โรช เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แอนดี้ เมอร์เรย์ กับ แบรด กิลเบิร์ต เมื่อปลายปีที่แล้ว และล่าสุด แอนดี้ ร็อดดิก กับ จิมมี่ คอนเนอร์ส เมื่อเดือนมีนาคมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความประหลาดใจระคนสงสัยกับแฟนเทนนิสและบรรดานักข่าวที่คอยติดตามความเคลื่อนไหว และพลันก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าจะมีโค้ชกับนักเทนนิสชื่อดัง (ที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด) สักกี่รายที่ยังคงสามารถสานสายสัมพันธ์ได้แนบแน่นมาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากทำการสำรวจแล้วได้คำตอบออกมา 4 คู่ ดังนี้คู่แรกเป็น เจมส์ เบล็ค กับ ไบรอัน บาร์คเกอร์ ทั้งสองเริ่มต้นร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 1991 และด้วยความเชื่อใจ ซื่อสัตย์ และให้เกียรติกัน จึงทำให้พวกเขายังคงกอดคอเป็นโค้ชคู่บุญกันมายาวนานถึง 17 ปี เรียกได้ว่า นอกจะทำหน้าที่โค้ชแล้ว บาร์คเกอร์ ยังเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของเบล็ค ทั้งคู่มักมีเรื่องขำๆ อำกันเสมอ อย่างเมื่อครั้งที่ เบล็ค สามารถคว้าแชมป์มาครองได้เป็นครั้งแรก เมื่อ 6 ปีที่แล้ว บาร์คเกอร์ กลับพบว่ามันเป็นฝันร้ายของเขาดีๆ นี่เอง เมื่อทั้งคู่ทำข้อตกลงกันว่า หากเบล็ค คว้าแชมป์ได้สำเร็จ บาร์คเกอร์ จะต้องเอาชนะโรคกลัวความสูงด้วยการกระโดดร่มดิ่งพสุธา และยิ่งเบล็ค คว้าแชมป์ได้มากขึ้นเท่าไร ฝันร้ายของบาร์คเกอร์ ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเท่านั้น อย่างที่ครั้งหนึ่ง บาร์คเกอร์ เคยจำต้องใส่ฟันทองและติดหนวดปลอมมาแล้ว

ส่วนคู่ที่สองจะเป็นคู่ไหนไปไม่ได้นอกจาก จัสติน เอแน็ง กับ คาร์ลอส โรดิเกรซ ซึ่งถึงเวลานี้ทั้งคู่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคมายาวนานกว่า 12 ปีแล้ว โรดิเกรซ ก็เหมือนโค้ชมืออาชีพทั่วไป ที่พอรู้ตัวว่าไม่อาจเอาดีทางด้านการเป็นนักเทนนิสอาชีพได้ เขาก็ชิงถอนตัวและหันมาทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ที่มีแววแทน และนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของโรดิเกรซ เมื่อเขาบอกปัดข้อเสนอการเป็นโค้ชให้กับ โดมินิก โมนามี เพื่อที่จะมุ่งมั่นกับเอแน็ง ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ

เช่นเดียวกับคู่ของเบล็คและบาร์คเกอร์ เอแน็งและโรดิเกรซ เป็นมากกว่าแค่โค้ชกับลูกศิษย์ เพราะหลังจากที่แม่ของเธอจากไปด้วยโรคมะเร็ง และอีกไม่กี่ปีต่อมา เธอก็มาแตกหักกับพ่อและญาติพี่น้อง จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เอแน็ง เจอมรสุมรักร้าว และต้องแยกทางกับสามี โรดิเกรซ เป็นเพียงคนเดียวที่ยังยืนหยัดอยู่เคียงข้างหวดร่างเล็กจากเบลเยี่ยมมาโดยตลอด จนหลายคนเปรียบเขาให้เป็นพ่ออีกคนของเธอเลยทีเดียว

มาถึงคู่ที่สาม อิวาน ลูบิชิช กับ ริคคาร์โด้ ปิแอตติ ทั้งคู่ตัดสินใจแท็คทีมกันครั้งแรกเมื่อปี 1997 หลังจากที่ปิแอตติ ทำหน้าที่โค้ชให้กับเพื่อนนักเทนนิสชาวอิตาลี อย่าง โอมาร์ แคมปอเรเซ่ เรนโซ่ เฟอร์ลัน สเตฟาโน่ เปสโคโซลิโด้ และคริสเตียโน่ คารัตติ (ซึ่ง 3 คนแรกคว้าแชมป์เทนนิสอาชีพได้คนละ 2 รายการ) นอกจากนี้ เขายังเคยร่วมงานเป็นเวลาสั้นๆ กับ โนวัค ยอโควิช หวดมือ 3 ของโลกคนปัจจุบัน มาแล้วอีกด้วย

ปิแอตติ ถือเป็นโค้ชที่ใส่ใจในรายละเอียดของลูกศิษย์ ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูบิชิช ยังผูกติดกันมาได้นานถึง 11 ปี “สำหรับผม เทนนิสไม่ใช่แค่เรื่องการตีลูก สิ่งสำคัญก็คือผมต้องรู้จักคนคนนั้นให้ดีก่อน รู้ในสิ่งที่เขาต้องการ จึงจะสอนเขาได้ งานโค้ชไม่ใช่งานออฟฟิศ ที่คุณต้องเข้างาน 8 ชั่วโมงจากนั้นก็กลับบ้าน คุณจำเป็นต้องใช้เวลากับเขาอย่างมาก”

ปิดท้ายกันที่คู่หูดูโอที่มีไมล์สะสมระยะทางน้อยสุดในบรรดา 4 คู่ อย่าง อเมลี มัวเรสโม กับ โลอีค คูร์โต ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมงานกันเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ในการแข่งขันที่โรม และโรลองด์ การ์รอส ซึ่งหวดสาวหล่อก็ไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง เมื่อสามารถทะยานขึ้นครองบัลลังก์มือ 1 โลกในระยะสั้นๆ ในปี 2004 รวมถึงผลงานคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมถึง 2 รายการ (ออสเตรเลียน โอเพ่น และ วิมเบิลดัน) ในปี 2006

“ในการทำงาน(ตำแหน่งโค้ช) คุณไม่สามารถล่วงรู้เลยว่าเมื่อไรจะถึงทางแยก ทุกๆ สัปดาห์ ผมคิดถึงมันเสมอ ผมรู้ว่าเธอ (มัวเรสโม) เป็นนักเทนนิสระดับท็อปและได้รับการคาดหวังว่าจะคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมได้เร็ว ซึ่งคุณจะต้องพิสูจน์ฝีมือด้วยผลการแข่งขันในรายการสำคัญๆ” คูร์โต เผย

แม้เทนนิสจะเป็นกีฬาที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นสูง ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าทีมเวิร์กระหว่างโค้ชและนักกีฬามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของผู้เล่นคนนั้นๆ เพราะหากขาดโค้ชสักคนแล้ว (โดยเฉพาะในระยะยาว) ก็คงไม่ต่างอะไรจากเรือที่ไร้หางเสือ ยากยิ่งจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางได้โดยง่าย
จัสติน เอแนง
เอแนง และโค้ชคู่ใจ
อิวาน ลูบิชิช
อเมลี มัวเรสโม
กำลังโหลดความคิดเห็น