xs
xsm
sm
md
lg

หลิวเสียง : เหรียญนี้แด่ย่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"หลิวเสียง" ชื่อนี้อาจจะยังไม่คุ้นหูคนไทยเท่ากับเหยาหมิง นักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพเชื้อสายมังกร ที่เพิ่งมาแข่งขันบาสเกตบอล NBA ให้กับทีมฮุสตัน ร็อกเกตส์ ในบ้านเกิด เมื่อเร็วๆนี้ แต่หลิวเสียงคือคลื่นลูกใหม่มาแรงของวงการกรีฑาจีน และเขาคือนักกีฬาจีนคนแรกที่สามารถพิชิตเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาประเภทลู่และลาน นับตั้งแต่จีนเข้าชิงชัยในกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1932 ที่นครลอสแองเจลิส เป็นต้นมา

ในกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเอเธนส์ ที่ผ่านมา จึงเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ที่เกิดขึ้นจากความทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด ด้วยความเชื่อมั่นที่แน่วแน่ว่า นักกีฬาเอเซียก็สามารถเป็นที่หนึ่งในกีฬาประเภทนี้ได้เช่นเดียวกับนักกีฬาผิวขาวหรือผิวดำ เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มผู้นี้คือใคร?


หลิวเสียง เปิดเผยว่า ความสำเร็จของเขาไม่ใช่ได้มาเพราะการฝึกฝนอย่างหนักผสมผสานกับความตั้งใจดั่งเหล็กกล้าที่ต้องการจะทำให้ดีที่สุดเท่านั้น หากแต่พลังขับเคลื่อนที่ดีที่สุดของเขาคือ “ความทรงจำเกี่ยวกับคุณย่า…”

หลิวเสียงก็เหมือนกับเด็กอีกหลายคน ที่ได้รับการอบรมดูแลจากปู่ย่าตายายในวัยเด็ก เพราะพ่อแม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับการทำงาน โดยท่านเหล่านั้นจะคอยเล่าให้พ่อแม่ได้รู้ว่า เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา กินเยอะมากขึ้นยังไง รูปร่างสูงใหญ่เร็วขึ้นขนาดไหน และแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าการฝึกฝนทางด้านกีฬาที่เข้มงวดกวดขัน ก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เขาเป็นเช่นทุกวันนี้

“ก่อนที่อาเสียงจะเริ่มฝึกกีฬา เขามักรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหาร” คุณปู่รำลึกถึงสมัยเด็กของหลาน “แต่หลังจากเริ่มฝึกกีฬาแล้ว เขาก็ไม่เป็นหวัดง่ายอย่างที่เคยเป็นมาก่อนด้วย”

“เด็กน้อยดูเหมือนจะหิวมากตลอดเวลา ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกซ้อม” คุณย่าของหลิว จะทำอาหารจานพิเศษ ที่สามารถให้พลังงานที่เพียงพอสำหรับหลาน โดยเฉพาะหมูอบราดด้วยน้ำเกรวี่ ซึ่งได้กลายเป็นอาหารจานโปรดของแชมเปี้ยนวิ่งข้ามรั้วคนล่าสุด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ในเดือนสิงหาคม 2001 ก่อนที่หลิวจะไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 21 ณ กรุงปักกิ่งนั้น เขาต้องพบกับเรื่องที่ทำให้สะเทือนใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายในตับอ่อนของเฉินซิ่วเป่า ย่าสุดที่รักของเขา ผู้ที่เป็นดั่งแสงสว่างส่องนำทางให้ชีวิตของเขาตลอดมา

ไม่มีใครรู้ว่า ความโศกเศร้าที่เก็บอยู่ภายในใจของหลิวอย่างล้นเหลือในครั้งนั้น ได้กลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ที่คอยเติมไฟแห่งการต่อสู้ให้ลุกโชติช่วง

และด้วยความคิดว่าเหรียญทองเท่านั้น ที่จะตอบแทนความรักและบุญคุณของย่าได้พอ ทำให้เด็กวัย 18 ปีคนนี้ คว้าชัยชนะในการแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรในการแข่งขันครั้งนั้นสำเร็จดั่งตั้งใจ

พ่อของหลิว รำลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่หลิวกลับจากการแข่งขันว่า “ ทันทีที่ลงจากรถไฟ หลิวรีบตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล เขาค่อยๆพยุงย่าขึ้นและคล้องเหรียญทองไว้ที่คอของท่านอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันก็ประคองเหรียญไว้ที่อุ้งมือ เพราะมันอาจหนักเกินไปสำหรับท่านแล้ว”

แม้ว่าความเจ็บปวดจากโรคจะรุมเร้าร่างกายย่าอย่างไม่ปราณีเพียงใด แต่ใบหน้าที่เหี่ยวย่น กลับเต็มไปด้วยความสุข ขณะจ้องมองไปที่เหรียญทองเหรียญแรกในการแข่งขันระดับนานาชาติของหลาน

ต่อมาอีก 2 เดือน ก่อนการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 9 เพียง 1 วัน เขาก็ได้รับแจ้งข่าวว่าย่าได้เสียชีวิตลงแล้ว ภารกิจในการแข่งขัน ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปทัน ‘ดูใจ’ ย่า

แม้ว่าหลิวเสียงจะได้เหรียญทองในการแข่งขันครั้งนั้น แต่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของย่า นำมาซึ่งความทุกข์และความเสียใจแก่เด็กหนุ่มอย่างใหญ่หลวง เขาสาบานว่า ต่อแต่นี้ไป เขาจะทำให้ดีที่สุด เพื่อจะได้รับชัยชนะในทุกๆ การแข่งขัน และจะเป็นหนทางเดียวที่เขาทำได้เพื่อตอบแทนความรักของย่า นอกจากนี้ สิ่งนี้อาจทำให้ปู่รู้สึกสบายใจขึ้นด้วย

เมื่อมีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านที่เซี่ยงไฮ้ หลังสิ้นสุดการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมอย่างหนัก เขาจะไปเยี่ยมคุณปู่หลิวจื่อควน วัย 87 ปีทุกครั้ง หลิวเสียงจะเล่าเรื่องการฝึกซ้อมของเขา ชีวิตของเขา และคุยถึงย่าด้วยความรักใคร่

พลังใจจากคนรอบข้าง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 1982 ณ นครเซี่ยงไฮ้ ในวันที่หนูน้อยหลิวเสียงลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก บรรดาญาติๆ ต่างมาเข้ามาห้อมล้อมและถกเถียงกันถึงชื่อที่จะตั้งให้กับเด็กน้อย

ป้าของเขาเสนอว่า ให้นำแซ่ของพ่อกับแม่มารวมกัน ซึ่งก็คือหลิวจี๋ (刘级) แต่หากใครนำคำว่า เซิง (生) มารวมเป็น 'หลิวจี๋เซิง' ( 刘 级 生 ) เสียงของคำจะไปพ้องกับ 留 级 生 ทำให้สื่อความหมายเปลี่ยนไปเป็น “นักเรียนที่สอบตกซ้ำชั้น” ได้ ท้ายที่สุดจึงเลือก คำว่า เสียง (翔) ซึ่งสื่อความหมายว่า "สยายปีกเพื่อเหินฟ้า" แทน

ด้วยความสูงที่มากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันถึงครึ่งหัว ทำให้อาจารย์สอนวิชาพละในชั้นประถม 2 ของหลิว สนับสนุนให้เขาเป็นนักกีฬากระโดดสูง ซึ่งเป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่างพ่อกับแม่

“ฉันไม่ต้องการให้ลูกชายของฉันหมกมุ่นอยู่แต่กับกีฬา ในโรงเรียน เขาก็เรียนได้ดี ทำคะแนนสอบได้สูงติดอันดับ 1 ใน 3 ของห้อง” จี๋เฟิ่นฮวา ผู้เป็นแม่กล่าว

ในขณะที่ คุณพ่อหลิวเสียว์เกิน กลับเชื่อว่าความคิดที่จะผลักดันให้เด็กน้อยผู้นี้อยู่ในระเบียบวินัยจากการฝึกฝนด้านกีฬานั้นเป็นความคิดที่ดี

“ในเวลานั้น เขายังผอมเกินไปและดูเหมือนกับว่ากำลังจะเดินผิดเส้นทาง” คุณพ่อหวนคิดถึงอดีต

ท้ายที่สุด หลิวเสียงก็ได้รับอนุญาตให้ฝึกซ้อมกระโดดสูงหลังเลิกเรียน

กู้เป่ากัง โค้ชคนแรกของหลิวรู้สึกประทับใจในความทะเยอทะยานที่หลิวมี “ร่างกายของเด็กคนนี้มีความยืดหยุ่นเป็นเลิศ และมีความไวที่ดีมาก นอกจากนี้ เขายังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดที่นักกรีฑาที่ดีควรจะมีคือ ความตั้งใจในการฝึกซ้อมอย่างหนักด้วยใจและวิญญาณ”

หลิวเสียง มักจะเป็นคนแรกที่ขออาสากระโดด เมื่อโค้ชปรับระดับความสูงขึ้น โดยปราศจากความกลัวเสมอ และเขาก็จะกระโดดครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะสำเร็จ

โดยไม่น่าเชื่อ ในปี 1996 หลิวเสียงชนะการแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรระดับโรงเรียนมัธยมในท้องถิ่นอย่างง่ายดาย

ซุนไฮ่ผิง โค้ชคนปัจจุบันกล่าวว่า “ผมรู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นนักกระโดดสูงมาก่อน” โค้ชซุน จึงได้ถามเด็กชายหลิวว่า “เคยคิดอยากเป็นนักกีฬาวิ่งข้ามรั้วอาชีพไหม”

ในบรรดากีฬาประเภทต่างๆ กีฬาวิ่งข้ามรั้วอาจจะเป็นกีฬาที่ไม่นิยมมากที่สุดในหมู่เด็กๆ ก็ว่าได้ คงเป็นเพราะความยากทางด้านเทคนิคของกีฬาชนิดนี้ ที่มีอยู่มากพอสมควร

ด้วยการสนับสนุนจากบุคคลที่เขารัก และผู้เชี่ยวชาญที่ใส่ใจ ผนวกกับความทุ่มเทของตัวเขาเอง หลิวจึงมีโอกาสที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งและความสามารถที่อยู่ภายในตัว

แต่ความเข้มแข็งที่เห็นภายนอกนั้น ได้ปกปิดความอ่อนไหวในตัวของผู้ชายคนนี้ไว้ หลิวเสียงไม่เหมือนเด็กในวัยเดียวกันที่ถูกตามใจเพราะเป็นลูกคนเดียว หลิวเสียงได้เรียนรู้การดูแลปู่ย่าและพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก

แม่ของเขาเล่าความในอดีตให้ฟังว่า “มีวันหนึ่ง ฉันกลับบ้านดึกผิดเวลา เพราะไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำกับเพื่อนที่ทำงานหลังเลิกงาน และลืมบอกสามีว่าจะกลับบ้านช้านิดหน่อย ลูกหลิวถึงกับร้องไห้เสียงดังดีใจเมื่อเห็นฉันกลับถึงบ้าน เขาบอกว่า เขาเป็นกังวลเมื่อฉันไม่อยู่บ้านในเวลาที่อยู่เป็นประจำ และมักจะคิดถึงอันตรายต่างๆนานาที่อาจเกิดขึ้นกับฉัน”

ความรักที่มีต่อพ่อแม่

ในวันแม่ปีนี้ หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ตอนแรกหลิวตั้งใจว่า เมื่อกลับถึงบ้านว่าจะซื้อช่อดอกคาร์เนชั่นช่อหนึ่งมอบให้มารดา แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากกะทันหัน

“ความรักสำหรับแม่นั้น ยังคงมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” หลิวอธิบาย “สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะวันแม่หรือวันไหนๆ การแสดงความเคารพนับถือแม่ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย”

ดังนั้น ของขวัญของเขาที่จะมอบให้กับแม่ ก็คือ คำพูดง่ายๆ ที่แม่ของเขายังคงจำได้จนขึ้นใจถึงทุกวันนี้ “แม่ครับ ผมขอให้แม่แข็งแรงตลอดไปนะครับ”

แต่ทุกครั้งที่ไปแข่งขันในต่างประเทศ หลิวจะต้องซื้อของขวัญ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเครื่องสำอางกลับมาฝากแม่เสมอ

ครอบครัวของหลิวแม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่เคยขาดแคลนความรักความอบอุ่น พ่อทำงานเป็นคนขับรถของบริษัทผลิตน้ำประปาแห่งหนึ่ง ส่วนแม่ปัจจุบันก็ออกจากงานแล้ว

ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในกรุงเอเธนส์ นำมาซึ่งชื่อเสียงและความร่ำรวยแก่หลิวเสียง ผู้กำหัวใจของคนทั้งชาติ แต่เท้าของเขาก็ยังคงติดอยู่บนพื้นดินอย่างมั่นคง

แต่เพื่อให้พ่อแม่อยู่อย่างสุขสบายขึ้น บ้านหลังใหญ่สำหรับพ่อแม่เป็นจึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในใบรายการที่เขาต้องการทำในช่วงเวลาอันใกล้นี้

การวิ่งข้ามรั้วที่เร็วที่สุดในโลก ไม่ใช่ความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวของหลิว เขายังเป็นนักร้องสมัครเล่นที่ยอดเยี่ยมและนักสะสมเหรียญกษาปณ์ตัวยงอีกด้วย

หลิวชอบกินโยเกิร์ต และมันฝรั่งกรอบ แต่หมูอบราดด้วยน้ำเกรวี่ ก็ยังคงเป็นอาหารจานโปรดที่ขาดไม่ได้ในเมนูประจำวันของเขาเหมือนเดิม

คำกล่าวที่ว่า “ เสน่ห์ปลายจวักของผู้หญิงคือหนทางที่จะทำให้ได้หัวใจของชายหนุ่มอันเป็นที่รัก” ยังคงใช้ได้ผลกับหลิวเสียง หญิงสาวในอุดมคติของหนุ่มคนนี้ จะต้องเป็นผู้ที่รู้ว่าควรจะปรุงอาหารที่ทำจากกุ้งน้ำจืดและอาหารที่มีคุณค่าจานอื่นๆ อย่างไร

และแน่นอนว่า ในขณะนี้คงมีหลายคนกำลังสงสัยและอยากรู้ว่า ผู้หญิงแบบไหนที่จะสามารถเอาชนะใจหนุ่มห้าวและเงียบขรึมอย่างหลิวเสียงได้

“ผมยังไม่มีเวลาพอที่จะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหน และผมก็คิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะคุยถึงเรื่องนี้”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เปิดเผยว่า เขาจะมองหาเมื่อเวลานั้นมาถึง

“เธอจะต้องดีกับพ่อแม่ผม จะต้องเป็นคนฉลาด และไม่จำเป็นต้องสวย แต่ที่สำคัญคือ จะต้องเป็นคนมีจิตใจดี”

ซึ่งแบบนี้ คุณย่าต้องอนุญาตอย่างไม่ต้องสงสัย

เรียบเรียงจาก ไชน่าเดลี่
กำลังโหลดความคิดเห็น