นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการและรองเลขาธิการฯ ออกโรงเผยรู้สึกหวั่นใจถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องของการประท้วงระหว่างการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกในประเทศไทยในวันที่ 19 เมษายนนี้ เพราะจะทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศเมื่อมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เมื่อวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2551 ณ ห้องประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ถนนศรีอยุธยา พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการบริหารโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมพิจารณาส่งคณะนักกีฬาไทย ไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ครั้งที่ 29 ระหว่าง 8-24 สิงหาคม 2551 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยประธานโอลิมปิคไทย ได้กล่าวว่า หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แสดงความจำนงให้ คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินในฐานะผู้แทนพระองค์ไปทรงร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิค ณ กรุงปักกิ่ง ล่าสุด สำนักราชเลขาธิการ ได้มีหนังสือแจ้งมาแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้แทนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันฯ โดยจะเสด็จไปวันที่ 6 สิงหาคม 2551 และจะเสด็จกลับในวันที่ 9 สิงหาคม 2551 ซึ่ง คณะกรรมการโอลิมปิคฯ จะได้ประสานกับรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมแผนและดำเนินการเสด็จพระราชดำเนินต่อไป
ขณะที่เรื่องของการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ในกรุงเทพมหานคร นั้น พลเอกยุทธศักดิ์ ได้กล่าวต่อว่า ทางโอลิมปิกได้มีหนังสือถึงราชเลขานุการในพระองค์พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำความกราบบังคมทูลเชิญ เสด็จมาทรงเป็นประธานในการเลี้ยงต้อนรับคณะกรรมการฯ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 18 เมษายน 2551 ณ ห้องจัดเลี้ยง สำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ด้านนายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการและรองเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 11-14 เมษายน 2551 นั้น จะมีพิธีซ้อมวิ่งคบเพลิง ที่เมือง ซันหยา สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยตนจะเดินทางไปกรุงปักกิ่งก่อน ในวันที่ 10 เมษายน 2551 เพื่อปรึกษาหารือกับ มิสเตอร์หยงจิง เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว วันที่ 11 เมษยน 2551 จะบินกลับที่กรุงเทพฯ เพื่อหารือเรื่องนี้กับ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัดกทม. ซึ่งตอนนี้ที่เป็นห่วงคือ การรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในเรื่องการประท้วงเพราะเกรงว่า จะเสียภาพลักษณ์ เมื่อมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดวิ่งคบเพลิงของจีน ได้กำหนดผู้ที่จะไปยืนบนเวทีในพิธีการเพียง 4 คน คือ 1.ประธานคณะกรรมการโอลปิคแห่งประเทศไทย 2.ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 3.ผู้แทนของคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2008 4.พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
สำหรับ ประเทศไทยจะได้รับเงินจำนวน 20,000 เหรียญสหรัฐ โดยรับมาก่อน 674,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในการวิ่งคบเพลิง โดยประเทศไทย เป็น 1 ใน 22 เมืองทั่วโลก และมี ประเทศมาเลเซีย, ประเทศอินโดนีเซีย รวมอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากไฟโอลิมปิคเกมส์ ถูกจุดขึ้นที่ประเทศกรีซ ที่เป็นต้นกำเนิดของกีฬาโอลิมปิก ก็จะวิ่งผ่านไปยังประเทศต่างๆ ก่อนถึงประเทศไทย ในวันที่ 18 เมษายน 2551 ก่อนจะมีพิธีวิ่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 เมษายน 2551 ต่อไป
โดยเส้นทางจะใช้ระยะทางทั้งสิ้น 15 กิโลเมตร เริ่มต้นที่วงเวียนโอเดียน เยาวราช จะมีผู้เข้าร่วมวิ่งทั้งหมด 80 คน จะมีบุคคลสำคัญในวงการต่างๆ รวมทั้งนักกีฬาที่ผ่านคัดเลือกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2008 และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การวิ่งคบเพลิงครั้งนี้ จะหาเงินประมาณ 10 ล้านบาท โดยไม่หักรายจ่ายใดๆ เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสที่มีพระชนมายุครบ 80 พรรษา
นายพิพัฒ กล่าวต่ออีกว่า ทางสาธารณรัฐประชาชนจีน จะส่งทีมทำงานมา 3 ทีม ประกอบด้วย ทีม 1 เลซอง จะเดินทางมาก่อนวันวิ่ง 10 วัน ทีมที่ 2 แอดวานซ์ ทีม จะเดินทางมาก่อนวันวิ่ง 5-7 วัน เพื่อมาประชุมร่วมกับผู้ที่จะวิ่งและซักซ้อมพิธีการต่างๆ ก่อน ทีมที่ 3 เป็นทีมงานชุดใหญ่จะเดินทางมาในวันที่ 17 เมษายน 2551
ทั้งนี้ จำนวนนักกีฬาไทยที่ผ่านรอบคัดเลือกกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 แล้ว ในขณะนี้มี จำนวนทั้งสิ้น 32 คน จาก 9 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย มวยสากลสมัครเล่น 8 คน, ยกน้ำหนัก 8 คน, เทควันโด 3 คน, ยิงปืน 4 คน, ยิงเป้าบิน 1 คน, จักรยาน 1 คน ,วินด์เซริฟ์ 2 คน , กรีฑา 4 คน เทเบิลเทนนิส 1 คน และ ว่ายน้ำ 2 คน ส่วนที่อยู่ในระหว่างรอผลการแข่งขันในรอบคัดเลือกประกอบด้วย กีฬาฟันดาบ, แบดมินตัน, เทเบิลเทนนิส, เทนนิส, วอลเล่ย์บอล, เรือกรรเชียง และยิมนาสติก