xs
xsm
sm
md
lg

รีฟายแนนซ์ ลิเวอร์พูล / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

ในสภาวะที่สโมสร ลิเวอร์พูล ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ทอม ฮิคส์ ( Tom Hicks ) และ จอร์จ จิลเล็ต ( George Gillett ) สองนักธุรกิจอเมริกัน ซึ่งเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรร่วมกันด้วยจำนวนเงิน 218.9 ล้านเพานด์ตั้งแต่ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2007 กำลังต้องการทุนมหาศาลเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียน พวกเขาบอกว่า เรื่องขายสโมสรนั้น ไม่ต้องมาพูดกัน ทั้งสองกำลังพิจารณาวิธีรีฟายแนนซ์ โดยอ้างว่า มัลคอล์ม เกลเซอร์ ( Malcolm Glazer ) ก็เคยใช้วิธีนี้กับ แมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด และก็รอดพ้นวิกฤตไปได้อย่างดี

ลิเวอร์พูล ใช้สนาม แอนฟิลด์ ซึ่งจุผู้ชมได้ 45,362 ที่นั่งมาตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปี 1892 และก็มีขนาดเล็ก คับแคบเกินไปซะแล้ว ตอนนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างสนามแห่งใหม่ คือ สแตนลีย์ พาร์ค สเตเดียม ( Stanley Park Stadium ) มูลค่า 400 ล้านเพานด์ ซึ่งจะจุผู้ชมได้ไม่น้อยกว่า 60,000 ที่นั่ง สนามแห่งใหม่นี้ ยังสามารถเพิ่มที่นั่งได้เป็น 88,000 ที่นั่ง หรืออาจมากกว่านั้น ถ้าต้องการปรับแผนการเพิ่มจำนวนที่นั่ง และมีกำหนดเปิดใช้ในปี 2011

ทั้งสองเห็นตัวอย่างสนาม เวมบลีย์ ที่ทำการปรับปรุงด้วยเงินจำนวน 778 ล้านเพานด์ ทำให้สามารถจุผู้ชมได้ 90,000 ที่นั่ง ซึ่งต้องใช้เงินมากแน่นอน แต่ระยะยาวจะได้รับผลตอบแทนที่เกินคุ้ม ทั้งผู้ชมในสนามที่จะมีมากกว่า 40,000 คนในแต่ละแมตช์ และเงินรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์อีกบานเบอะ ซึ่งตอนนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ยูเอ็ฟฟ่า แอนฟิลด์ ถูกจัดให้เป็นสนามแข่งขันระดับแค่ 4 ดาวเท่านั้น เพราะมีเก้าอี้ที่นั่งไม่ถึง 50,000 ตัว

เมื่อพูดถึงสนามฟุตบอลระดับ 5 ดาว ผมก็อยากเรียนท่านผู้อ่านว่า เจ้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้น มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

ประการแรก มีเก้าอี้ที่นั่งพร้อมพนักพิงอย่างน้อย 50,000 ที่นั่ง สนามใดที่มีเก้าอี้แบบที่ไม่มีพนักพิง ตอนนี้ยังพออนุโลมได้ แต่ต่อไปในอนาคตต้องทำการปรับปรุง และเรื่องพนักพิงนี้ก็จะถูกระบุเข้าไปในระเบียบให้มีความชัดเจนขึ้นด้วย

ความยาวของสนามหญ้า อย่างน้อย 105 เมตร ความกว้าง อย่างน้อย 68 เมตร อีกทั้งยังต้องใช้หญ้าคุณภาพดี พื้นผิวนุ่ม พวกสนามที่มีหญ้าพันธุ์เห่ยๆ แห้งแข็ง หรือ แหว่งๆเป็นทะเลทรายไม่ต้องมายุ่ง นอกจากนั้น ยังต้องมีระบบการรดน้ำ ระบายน้ำที่ดีด้วย ห้ามมีรั้วกั้นระหว่างผู้ชมกับพื้นสนามที่ใช้แข่งขันเด็ดขาด อันนี้คงเข็ดขยาดกับเหตุการณ์จลาจลที่เคยเกิดขึ้นบนอัฒจรรย์ และไม่มีทางระบายผู้ชม ทำให้เบียดเสียดเหยียบกันตาย ต้องมีพื้นที่ว่างเพียงพอระหว่างสนามแข่งขัน กับ ป้ายโฆษณา และกล้องโทรทัศน์อย่างน้อย 18 ตัว รวมทั้งพื้นที่ว่างหลังประตูฟุตบอล กับ ที่นั้งผู้ชมแถวแรก ซึ่งต้องเตรียมไว้สำหรับช่างภาพสื่อมวลชนอย่างน้อย 150 คน

ต้องมีห้องแต่งตัวอย่างดีให้กับนักกีฬาทั้ง 2 ทีม และ ผู้ตัดสิน โดยเฉพาะ ห้องแต่งตัวของนักกีฬาแต่ละทีมก็ต้องหรูเท่าเทียมกัน กว้างขวาง สว่าง สะอาด มีเครื่องใช้เหมือนๆกัน อ้อ ต้องจัดเตรียมห้องตรวจโดปให้ด้วยนะครับ

ในเรื่องแสงสว่างนั้น ถ้าเป็นบริเวณที่ใช้กล้องถ่ายทอดตัวหลัก ก็ต้องให้มีความสว่างอย่างน้อย 1,400 ลักซ์ ถ้าเป็นบริเวณที่ใช้กล้องตัวอื่นๆนั้น แสงสว่าง 1,000 ลักซ์ก็พอ

ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดคอยดูเหตุการณ์ที่ประตูทางเข้า-ออก ระบบเสียงที่เรียกว่า Public Address System หรือ PA System มีระบบโทรทัศน์วงจรปิดเป็นภาพสีที่สามารถจับตาดูความเคลื่อนไหวของผู้ชม ทั้งในและนอกสนาม โดยเฉพาะ กล้องวงจรปิดต้องสามารถทำภาพนิ่งได้ในกรณีที่มีผู้ก่อเหตุต่างๆเพื่อจะได้ส่งเจ้าหน้าที่สนาม ที่เรียกว่า สตูเอิร์ด ( Steward ) เข้าไปดูแล หรือถ้าจำเป็นก็จะได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าระงับเหตุได้ทันที มีป้ายสัญลักษณ์ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย ทั้งด้านในและด้านนอกสนาม รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง มีที่นั่งสำหรับคนพิการ อย่างน้อย 50 ที่นั่ง และผู้ช่วยคนพิการอย่างน้อยอีก 50 ที่นั่ง ซึ่งก็ต้องมีห้องน้ำห้องท่า และบริการเครื่องดื่มให้ด้วย มีห้องน้ำที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขอนามัย สำหรับทั้งหญิงและชาย จำนวนเพียงพอ แต่ส้วมแบบนั่งยองๆไม่เอานะครับ

มีการจัดอำนวยความสะดวกอย่างดีสำหรับสื่อมวลชน โดยเฉพาะ จุดตั้งกล้องโทรทัศน์ พื้นที่ใช้สอยของสื่อมวลชน ห้องออกอากาศสด ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ยูเอ็ฟฟ่า ได้จัดทำหนังสือคู่มืออย่างละเอียดให้ด้วย เรียกว่า คู่มือสำหรับจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชน

มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ชมระดับ วีไอพี ครบครัน รวมทั้ง เก้าอี้นั่งชมในชั้น วีไอพี อย่างน้อย 150 ที่นั่ง

ยูเอ็ฟฟ่า มองไปถึงด้านคมนาคม โดยระบุว่า สนามแข่งขันระดับ 5 ดาวนั้น ต้องอยู่ในเมืองที่มีสนามบินนานาชาติ รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางมาชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ ยูเอ็ฟฟ่า ได้ขนานใหญ่เลย เช่น นอกจากจะมีเที่ยวบินไป-มาตามปกติแล้ว จะต้องสามารถรองรับเที่ยวบินแบบเหมาลำ ที่เรียกว่า ชาเตอร์ ไฟลท์ ( Charter Flight ) อีกไม่น้อยกว่า 60 เที่ยว

ประการสุดท้าย ก็เรื่องโรงแรมที่พัก ถ้าเป็น ยูเอ็ฟฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก็ต้องมีโรงแรมระดับ 5 ดาว เตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่และสปอนเซอร์ของ ยูเอ็ฟฟ่า อย่างน้อย 1,000 ห้อง ส่วน ยูเอ็ฟฟ่าคัพ ขอให้มี 500 ห้องก็พอ นอกนั้นก็เป็นห้องสำหรับผู้ชมอื่นๆ ซึ่งจะเป็นโรงแรมหลากหลายระดับคละเคล้ากันไป เอาให้เพียงพอก็แล้วกัน

ถ้าสนามฟุตบอลใดมีคุณสมบัติต้องตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวก็มีสิทธิได้รับเลือกเป็นสนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทั้ง ยูเอ็ฟฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูเอ็ฟฟ่าคัพ ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น