xs
xsm
sm
md
lg

สโมสรเยี่ยม ทีมชาติแย่ / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

หลังจากที่ สตีฟ แม็คคลาเรน ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงด้วยการนำทีมชาติอังกฤษตกรอบคัดเลือก อดไป ยูโร 2008 ที่ ออสเตรีย กับ สวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพกลางปีนี้ และถูกปลดออกจากการคุมทีมชาติอังกฤษไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2007 ถัดมา 3 สัปดาห์ วันที่ 14 ธันวาคม สมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับสัญญาที่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนกับโค้ชคนใหม่ นั่นก็คือ ฟาบิโอ กาเปลโล ( Fabio Capello ) กุนซือวัย 61 ปี ชาวอิตาลี ผู้ซึ่งพา เอ ซี มิลาน กับ โรมา 2 สโมสรยักษ์ใหญ่ในอิตาลีกวาดมารวม 5 สกูเด็ตโต และทำทีม เรอัล มาดริด ของสเปนเก็บไป 2 ลา ลีกา และยังมีถ้วยยูเอ็ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 ใบในปี 1994 กับ เอ ซี มิลาน

โค้ชชาวมากาโรนี ที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูซักคำคนนี้ ได้รับหน้าที่คุมทีม ธรี ไลออนส์ 4 ปีครึ่ง โดยเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2008 ไปจนจบฟุตบอล ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ กับ ยูเครน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพโน่นแน่ะ เขาจะได้รับค่าเหนื่อยปีละประมาณ 6 ล้านเปานด์ โดยมีโอกาสแยกทางกันได้ ที่เรียกว่า อ็อพ เอ๊าท์ ( Opt out ) หลังปี 2010

ข่าวการมาคุมทีมของ กาเปลโล นี้ คนอังกฤษส่วนใหญ่ดูจะออกมาสรรเสริญการตัดสินใจของ บรายอัน บาริค ( Brian Barwick ) และ เซอร์ เทรเวอร์ บรุกคิง ( Sir Trevor Brooking ) 2 ผู้บริหาร FA ที่มีส่วนสำคัญในการดึงตัวกุนซือคนนี้มาเป็นนายใหญ่ของนักเตะเมืองผู้ดี แต่ขณะเดียวกัน คนที่ผิดหวังอย่างแรงกลับกลายเป็น เซพพ์ บลัทเทอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA

เมื่อ 2 วันก่อน อันเป็นวันเริ่มงานของ กาเปลโล บลัทเทอร์ ซึ่งปัจจุบันก็อายุปาเข้าไป 71 ปีแล้ว ยิงสลุต ใส่เป็นชุดๆเลย เขาบอกว่า อังกฤษได้ทำลายหลักการของฟุตบอลระดับนานาชาติไปซะงั้น เขาไม่เคยเห็นทีมชาติอิตาลี เยอรมนี บราซิล หรือ อาร์เกนตินา ต้องใช้บริการของโค้ชต่างชาติเลย แล้วทีมที่ยอดเยี่ยมระดับโลกก็ล้วนแล้วแต่มีโค้ชเป็นคนชาติตัวเองทั้งนั้น เพรอมิเอ ลีกนั่นแหละตัวดี ชอบนักที่จะจ้างนักเตะต่างชาติแพงๆ ถือว่าเงินถึงซะอย่าง แล้วมันก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ลีกในประเทศอาจดูคึกคัก ประสบผลสำเร็จทางการตลาด เงินทองพรั่งพรู แต่ทีมชาติพังไม่เป็นท่า เซพพ์ บอกว่า แม้อังกฤษจะต้องเผชิญกับความล้มเหลว ไม่ได้ไป ยูโร 2008 แต่ก็ควรให้โอกาส ให้เวลากับโค้ชและนักเตะอังกฤษได้พัฒนาฝีมือในระดับสโมสรจะดีกว่า ตอนนี้ลองหันไปดูซิว่า มีสโมสรชาติอื่นๆบ้างรึเปล่าที่มีโค้ชชาวอังกฤษ แล้วเวลานี้มีนักเตะอังกฤษซักคนมั๊ยที่ไปค้าแข้งในต่างแดน

ประธานฟีฟ่าชาวสวิสยังใส่อย่างเมามันต่อไปว่า กาเปลโล พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ แล้วจะคุยกันยังไง ในเมื่อเกมฟุตบอลมันต้องมีการกระตุ้นนักเตะให้ฮึกเหิม แล้วนี่ประเทศเมืองแม่ผู้ก่อกำเนิดเกมฟุตบอลแท้ๆเชียวนะ ที่ทำการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ผู้จัดการทีมชาติ ควรเป็นคนชาติเดียวกันกับนักเตะ

บลัทเทอร์ วิจารณ์คำพูดของ อาร์แซน เวงเกอร์ ด้วยที่เคยบอกว่า ทำทีมสโมสร ไม่แคร์ทีมชาติหรอก จะเป็นยังไงก็ช่าง โดยชี้ว่า ฟุตบอลมันต้องรวมหมด คุณทำทีมให้ชาติไหน คุณก็ต้องคำนึงถึงทีมชาติเค้าด้วย บลัทเทอร์ยกตัวอย่างสโมสรในอิตาลีที่มักจะจัดตัวผู้เล่นเป็นคนอิตาลีมากหน่อย อย่าง เอ ซี มิลาน ตอนได้ถ้วย Fifa Club World Cup 2007 ที่กรุงโตเกียวเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นั่นก็มีผู้เล่นที่ลงสนามเป็นชาวอิตาลีตั้ง 7 คน ซึ่งไม่มีกฎข้อไหนบังคับให้ทำเช่นนั้น แต่เพราะพวกเขารู้ว่า มันมีความสำคัญต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลอิตาลี ก็ทำอย่างนี้แหละ แล้วไงล่ะ ผลของฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ใครได้แชมป์ล่ะ ประธานฟีฟ่ายังแย้มอีกว่า อยากเห็นแต่ละสโมสรจัดตัวผู้เล่นลงสนามเป็นนักเตะชาติตนเองอย่างน้อย 6 คน

นึกกลับไปถึงทีมงานของ กาเปลโล ที่กำลังคุมทีมชาติอังกฤษ ก็ล้วนแต่มาจากอิตาลีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ฟรังโก บัลดีนี ( Franco Baldini ) อดีตนักเตะสโมสรบารี และ โบโลญญา ที่เป็นผู้ช่วยของเขาตั้งแต่สมัยอยู่กับ โรมา แล้วตามไปอยู่ เรอัล มาดริด ด้วยกัน คนที่ 2 เป็นคุณปู่วัย 70 อีตาโล กัลบิอาตี ( Italo Galbiati ) อดีตนักเตะกิ๊กก๊อกของ อินเตอร์ มิลาน ยุคปี 60 ที่อยู่กับ กาเปลโล มาตั้งแต่ตอนทำทีม เอ ซี มิลาน สำหรับคนนี้ กาเปลโล มักจะเอาไว้เกลี้ยกล่อมพวกนักเตะที่ กาเปลโล เองคุยด้วยแล้วอยากจะตบกะโหลก รายต่อมาเป็นโค้ชผู้รักษาประตู ฟรังโก ตังเกรดี ( Franco Tancredi ) อดีตผู้รักษาประตูสำรองของ โรมา และทีมชาติอิตาลีชุดฟุตบอลโลกปี 1986 ที่ เม็กซิโก เมื่อเลิกเล่นอาชีพก็มาเป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้ โรมา มาตลอดตั้งแต่ปี 1990 จนมาเริ่มตาม กาเปลโล ตอนไปคุมทีม ยูเวนตุส ในปี 2004 ส่วนคนสุดท้าย มาสซิโม เนรี ( Massimo Neri ) เป็นฟิตเนส โค้ช

ถึงแม้ว่า กาเปลโล จะได้คุมทีมชาติอังกฤษลงสนามอย่างเป็นทางการเป็นเกมแรกในการเตะนัดกระชับมิตรกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่สนามเวมบลี ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ แต่เกมที่จะพิสูจน์ฝีมือหมอนี่จริงๆ น่าจะเป็นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนมากกว่า แฟนบอลทั่วโลกคงต้องรอดู เวิร์ลคัพ 2010 ว่า ฟุตบอลอังกฤษจะรุ่งหรือจะร่วง และ ธรี ไลออนส์ จะไปไกลถึงไหนกับ ฟาบิโอ กาเปลโล
กำลังโหลดความคิดเห็น