xs
xsm
sm
md
lg

‘ดีเอสไอ’ ไขปริศนาคดีแตงโม จากฆาตกรรม สู่ขบวนการฟอกเงินสีเทา!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘เต้ มงคลกิตติ์’ แจง 8 หลักฐานเด็ดที่ทำให้เชื่อว่าคดีแตงโม เป็นเรื่องฆาตกรรม ยันเชื่อตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และวันนี้หลักฐานที่บ้านพระอาทิตย์และภาคประชาชน เปิดออกมายิ่งทำให้ดีกรีความเชื่อสูงขึ้น โดยเฉพาะหลักฐานกล้องวงจรปิด 34 จุดที่ ‘เต้’ มีอยู่และส่งมอบดีเอสไอ ยิ่งปรากฏชัดเจน ไม่มีใครอยู่ท้ายเรือ จับตาคดีนี้ ดีเอสไอ ต้องสืบหลักฐานจนนำไปสู่คดีพิเศษ ทั้งยาเสพติด เว็บพนันออนไลน์ เส้นเงินที่จะนำไปสู่คดีฟอกเงิน พร้อมส่งสัญญาณให้สังคมเกาะติดอาจมีคนหนาวๆ ร้อนๆ ต้องขอหลบไปเที่ยวต่างประเทศ แจง ‘เต้-แม่แตงโม’ เคยถูกขู่ ต้องหยุดพักไปช่วงหนึ่ง ระบุ รัฐมนตรี และ ส.ส. มาเจรจาให้ยุติเรื่องคดีแตงโม พร้อมให้ไปถาม ‘แม่แตงโม’ ต้องการเท่าไหร่จึงจะยุติ ด้าน ‘อัจฉริยะ’ ยันคดีนี้ฆาตกรรมแน่ แนะให้ดูเดือนนี้ดีเอสไอจะทำงานเชิงรุก จะมีตัวละครเพิ่มขึ้นทั้งคนมีสี และไม่มีสี ส่วนจะเชื่อมโยงถึงธุรกิจสีเทาหรือไม่ต้องติดตาม!

‘คดีแตงโม’ นาฝ ส.วนิดา พัชรวีระพงษ์ ตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จวบจนเวลาผ่านมาถึง 3 ปี คดีนี้กลับมาสู่ความสนใจชวนให้ติดตาม หลังจากขุนพลผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไปรวมตัวกันที่ ‘บ้านพระอาทิตย์’ ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นธงนำ โดยมีการจำลองการตกเรือของแตงโม อธิบายด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งข้อมูล GPS ที่อยู่ติดกับเรือ วิเคราะห์คำนวณจากความเร็วของเรือเข้ากับบาดแผลที่เกิดขึ้น กรณีคนขับเรือใช้ความเร็ว 8 นอต ซึ่งเป็นความเร็ว 14.816 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากแตงโมปัสสาวะท้ายเรือจริง พร้อมการจับพิรุธที่คนบนเรืออธิบาย ประกอบกับการออกมาให้ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มต่างๆ รวมทั้งคลิปภาพและเสียงที่มีการทยอยเปิดออกมา

ล้วนทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยและเริ่มทำลายความเชื่อเดิมๆ ที่ผู้เกี่ยวข้องพยายามจะให้เป็นเรื่องประมาท กลายเป็นความเชื่อว่า ‘แตงโม’ ถูกฆาตกรรม ส่วนคนที่มีความเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอย่าง ‘เต้’ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความเชื่อ เข้มข้นขึ้นไปอีก


‘เต้ มงคลกิตติ์’ บอกว่า ตัวเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ และคิดอะไรเป็นระบบ โดยช่วงเกิดเหตุได้ลงเรือไปหาข้อมูลการเสียชีวิตของแตงโม จนกระทั่งพบศพแตงโม ช่วงนั้นเป็น ส.ส.และมีความสนิทกับหน่วยงานต่างๆ จึงสามารถประสานติดต่อขอกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่เรือสปีดโบ๊ตวิ่งผ่าน นำมาเก็บไว้ และทยอยศึกษาคลิปเหล่านั้นและออกมาแสดงความเห็นต่อเนื่อง จนนำไปสู่ข้อสรุปในใจว่าแตงโมถูกฆาตกรรมด้วยข้อมูลดังนี้

ประการแรกบาดแผลตอนพบศพ เปรียบเทียบกับบาดแผลตรงขาที่มีการชันสูตรรอบที่ 1 รอบที่ 2 และลักษณะของศพ

ประการที่ 2 เมื่อเห็นบาดแผล ก็เริ่มเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของคนบนเรือ เพราะถ้าเพื่อนเราตกน้ำตายแบบปกติ เราควรอยู่จนหาเพื่อนจนจบใช่หรือไม่ และรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยเร็ว พร้อมทั้งให้มีการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจแอลกอฮอล์ ทุกๆ อย่าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจใช่หรือไม่

แต่ปรากฏว่าคนบนเรือไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนั้น กลับรีบไปปรึกษาทนาย ทำให้ชวนสงสัยว่าคนเหล่านี้รีบไปปรึกษาทำไม ไปเพื่อต่อสู้คดีหรืออย่างไร

“พฤติกรรมของพวกเขาดูแปลกแหวกแนว น่าจะมีปัญหา จึงเกิดข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อดูสภาพศพ และพฤติกรรมคนบนเรือ ทุกกระบวนการ จึงดูไม่ปกติ ยิ่งบอกว่าไปฉี่ท้ายเรือ ตอนนั้นคิดเองว่าพนักงานสอบสวนอาจมองหลายแนวว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือร่วมกันฆาตกรรมหรือเปล่า”

ประการที่ 3 บรรดานักรบโซเชียล ออกมาช่วยกันหาข้อมูลหลักฐานก็เพราะพฤติกรรมของคนบนเรือไม่ปกติ ตรงนี้ยิ่งทำให้ตัวเขาต้องช่วยสืบค้นเพื่อร่วมหาคำตอบให้สังคม

ประการที่ 4 โดนขู่ ห้ามยุ่ง สิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นฆาตกรรม เพราะตัวเขาเริ่มถูกขู่ ถูกกำชับ ไม่ให้มายุ่งกับเรื่องคดีแตงโม ถูกร้องเรียน ถูกดำเนินคดี เพราะถ้าเป็นเรื่องปกติทำไมต้องขู่ โดยให้เพื่อนที่เป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส.มาขอเจรจา และให้ยื่นข้อเสนอมาเลยว่า ‘แม่แตงโม’ ต้องการเงินเท่าไหร่เพื่อให้จบคดีนี้

“รัฐมนตรี และ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องมาขอเจรจากับผม รวมทั้งนายตำรวจใหญ่ เขาเป็นเพื่อนกับคนบนเรือ ผมก็ยังไม่หยุด คนพวกนี้จึงตั้งทีมออกมาโจมตีและช่วยกันต้านไม่ให้เราขยับได้ ดิสเครดิต ทำลายความชอบธรรม ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ทั้งดำเนินคดี เรียกว่าทำเป็นขบวนการ มีทั้งคนเป็นสื่อมวลชน ทีมทนาย นักรบ IO และนักร้องเรียนคอยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ และยังโดนคนบนเรือฟ้อง ก็เรียกว่าหนักเอาการ”



นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์
‘เต้ มงคลกิตติ์’ บอกอีกว่า เมื่อถูกดิสเครดิต ทำลายความชอบธรรม ก็ทำให้ตัวเขาจำเป็นต้องเงียบ ประกอบกับช่วงนั้นเห็นคดีนี้ทางตำรวจส่งถึงอัยการและศาลแล้ว อีกทั้ง ‘เต้’ ก็คุยกับคุณแม่แตงโม ซึ่งคุณแม่คิดจะฟ้อง แต่เมื่อคุณแม่ถูกขู่ ก็เกิดความกลัว เกิดอาการผวา ในความเป็นจริง ผู้หญิงแก่ๆ ตัวคนเดียว อย่างคุณแม่แตงโม จะไปสู้คดีได้อย่างไร เพราะการจะต่อสู้คดีกับคนรวย มันต้องใช้เงิน เพราะไม่อาจรู้ได้ระยะเวลาต่อสู้ยาวนานแค่ไหน

“คุณแม่เชื่อตั้งแต่วันแรกที่เห็นบาดแผลว่าแตงโมถูกฆาตกรรม แต่วันนั้นไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปโต้แย้งได้ คุณแม่จึงต้องเชื่อตำรวจ และทนาย จนกลางปี 2566 คุณแม่ก็ติดต่อผมมาจะให้ช่วยเรื่องคดี จะอุทธรณ์ หรือไม่อุทธรณ์ คดีนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต จากนั้นจะดำเนินคดีต่ออีก 3-4 คนบนเรือ ผมช่วยเตรียมหลักฐานและช่วยเป็นพยาน มอบหลักฐานให้ไป แต่แล้วคุณแม่ต้องถอนคดี ไม่รู้ว่าโดนขู่หรือเจรจาเรื่องเงิน ซึ่งผมเข้าใจคุณแม่มาก ตัวคนเดียวต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต เพราะการต่อสู้คดีต้องใช้เงินทั้งนั้น ค่าทนายก็ไม่ฟรี ต้องจ่ายทุกบาททุกสตางค์”

‘เต้’ ย้ำว่าเมื่อยังไม่พร้อมสู้ก็ต้องเงียบไปก่อน ต้องรู้จักรอเวลา ต่อเมื่อมีคนมาช่วยมากมายและแข็งแรงพอ ก็พร้อมที่จะสู้ต่อ คือเราต้องยอมกลืนเลือดตัวเองในระยะแรก แต่เวลานี้มีบ้านพระอาทิตย์ นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่าน พร้อมภาคประชาชน จึงเกิดเป็นพลังทางสังคม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นกับแตงโม

“คดีนี้ต้องประจักษ์ว่าแตงโมตายเพราะอะไร ใครทำให้ตาย ส่วนตัวผมเมื่อดีเอสไอ ประสานขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ 34 จุด ทำให้ผมมานั่งสืบค้นและดูอย่างละเอียด ยิ่งทำให้เชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรม แต่ใครทำ ทำเพราะอะไรผมไม่รู้ ดีเอสไอต้องทำให้กระจ่าง”

ที่สำคัญกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะไปเอาข้อมูลกล้องวงจรปิดของทางราชการจากที่ไหน เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาถึง 3 ปี ไม่มีใครเก็บไว้ หากจะไปขอจากตำรวจเจ้าของสำนวนเดิม ก็ยังคงให้ไม่ได้เพราะคดียังไม่จบ

ประการที่ 5 กล้องวงจรปิด ชี้ชัดไม่มีใครอยู่ท้ายเรือ ยิ่งเพิ่มความเชื่อว่าฆาตกรรม ทั้งจากประจักษ์พยาน ที่เห็นจากการจำลองตกท้ายเรือขณะเรือวิ่ง ก็ยังไม่มีใครโดนใบพัดทุกตำแหน่ง อีกทั้งกล้องวงจรปิดที่ทางพนักงานสอบสวนชุดเดิมสรุปสำนวนสั่งฟ้องคดีประมาทเป็นกล้องเดียวกับที่ตัวเขามี ด้านบนของสะพานซังฮี้ ด้านขวามือ เป็นพยานว่าคนบนเรือนั่งอยู่ท้ายเรือ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น คุณแซน ตรงนั้นเป็นกล้องของทางหลวงชนบท โดยกระทรวงคมนาคม กล้องมีประมาณ 5 ตัว

โดยที่อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนชุดเดิม ระบุตาม GPS เป็นเวลา 22.18 น. แต่จริงๆ กล้องตรงจุดนั้นจะเขียนว่า 22.07 น. ซึ่งจะโอเวอร์แล็บเรื่องเวลาประมาณ 4-5 นาที ก็ประมาณ 22.11 น.

ส่วนขากลับจากสะพานพระรามแปด มุ่งสู่สะพานซังฮี้ มุ่งสู่สะพานพระราม 7 ซึ่งภายในสะพานพระราม 7 ถึงท่าเรือพิบูลสงครามของบริษัทเอกชนที่เรามีกล้องวงจรปิด ซึ่งกล้องตัวนั้น ‘เต้’ เป็นคนนำมาให้สื่อมวลชน

ดังนั้น สิ่งที่ทำให้คดีแตงโม เปิดเป็นคดีใหม่ได้ ก็ต้องมาดูที่พยานหลักฐาน เพราะหากพยานหลักฐานเก่า ไม่ได้เอาเข้าสำนวน น่าจะเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ดีเอสไอสามารถตั้งเรื่องได้โดยไม่เกี่ยวกับคดีเก่า โดยเฉพาะกล้องตัวที่ 3 ฝั่งขวาของสะพานซังฮี้ด้านล่าง จากคลิปต้นฉบับมันค่อนข้างชัดว่า เดิมทีเข้าใจว่ามีคนอยู่ท้ายเรือ แต่พอไปดูกล้องใต้สะพานซังฮี้มันไม่มีคนอยู่ท้ายเรือ ดังนั้นจะมีการไปจับขาหรือไปฉี่ท้ายเรือหรือไม่ตามที่คนบนเรือบอกได้อย่างไร


ประการที่ 6 เจ็ตสกี 4 ลำ ดีเอสไอต้องไปดูกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะกล้องจากร้านกระแซงมอญ ที่เห็นชัดว่ามีเจ็ตสกี 4 ลำ ขับนำหน้าเรือสปีดโบ๊ต ดังนั้นจะต้องมาตรวจสอบตำแหน่ง GPS มือถือแตงโม กับ GPS เจ็ตสกีทั้งหมดว่าไปด้วยกันหรือไม่ หากไปด้วยกันก็คงเป็นประเด็นเรียกมาให้ข้อมูลได้ด้วย

“ต้องไม่ลืมว่าช่วงเวลา 20.36 น. ที่แตงโมร้องเพลง มันมีเงา มีเสียงเรียกเอามานี่ และเหมือนผู้ชายดื่มไวน์ เหมือนมีเรืออีกลำมาเทียบ ก็ต้องไปดูว่า ดาวเทียม ของทวีปยุโรป สามารถจับภาพตรงนี้ได้มั้ย ถ้าได้ ก็สามารถเช็กได้ว่าเรืออีกลำเป็นเรืออะไร ซึ่งดีเอสไอต้องทำเรื่องไปที่รัฐบาลของยุโรป และเอกชนยุโรปที่ส่องแพนกล้องมาแถวๆ นี้ ในวันนั้น”

ประการที่ 7 มีประเด็นต้องสงสัยเรื่องมือถือแตงโมที่ถูกปิดไป 3 ชั่วโมงซึ่งไม่ปกติ ดังนั้นจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าในช่วงเวลาที่หายไป 3 ชั่วโมง เหตุใดมือถือต้องเปิด Flight mode ช่วง 2 ทุ่มกว่าถึง 5 ทุ่มกว่า และมีใครโทร.ติดต่อแตงโม หรือฝากข้อความก่อนตกน้ำหรือไม่ และมือถือแตงโมอยู่ที่ใด ดาวเทียมฝั่งยุโรปน่าจะมีเทคโนโลยีให้สามารถจับตำแหน่งมือถือแตงโมได้จากแอปธนาคาร เพราะ Log ของระบบจะมีบันทึกไว้

“ปกติการปิดมือถือ มักจะมี 1.คุยงาน ไม่ต้องการให้ใครรบกวน 2.พบผู้ใหญ่ คุยธุรกิจหรืออย่างอื่น เราไม่ทราบ แต่เท่าที่เคยได้ยินได้ฟัง ถ้าไม่โอเคกัน ก็ไม่เคยมีใครถึงขั้นฆาตกรรมกันนะ ดีเอสไอคงต้องไปหาหลักฐานจาก Log ระบบ Cloud ว่ามือถือแต่ละคนอยู่ตำแหน่งไหน เพราะแต่ละคนมีมือถือกันหลายเครื่อง”

ประการที่ 8 ธุรกิจสีเทา เป็นเรื่องของดีเอสไอ ต้องไปตรวจสอบดูว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด พนันออนไลน์ รถหรู เพราะมีความพยายามเชื่อมโยงกันหรือไม่ ทั้งคนในเรือกับนักการเมือง ส.ส. ส ว.รวมไปถึงมีเครือข่ายบางคนไปอยู่ในราชทัณฑ์ไปแล้วใช่หรือไม่?

“ดีเอสไอสงสัยอะไรเขาก็ไปหาพยานหลักฐานมาอธิบายให้สังคมกระจ่างได้”



นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
‘เต้ มงคลกิตติ์’ ย้ำว่า ตัวเองเชื่อมั่น และเชื่อมือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะทำความจริงให้ปรากฏ และมั่นใจว่า ดีเอสไอจะสืบค้นพยานหลักฐานและตั้งเรื่องคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษได้แน่นอน จากอุบัติเหตุทางเรือ จะถูกขยายผลไปเป็นคดีอื่น ทั้งพนันออนไลน์ ยาเสพติด ไปสู่การฟอกเงิน

“ผมเชื่อว่า ดีเอสไอขยายผลไปยังคดีใหม่ โดยเริ่มจากการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. แล้วนำไปเป็นคดีใหม่ ลามไปเกี่ยวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย คดีฟอกเงินได้”

อย่างไรก็ดี สังคมต้องรอและติดตามกันว่า ดีเอสไอจะสรุปเรื่องแตงโมก่อนว่าผิดอย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่าพนักงานสอบสวนที่ทำคดีแตงโมซึ่งเป็นคดีเก่านั้น มีกฎหมายคุ้มครองอยู่เกี่ยวกับดุลพินิจพนักงานสอบสวนในการทำสำนวน ว่ามีแค่นี้ ชี้เป้าตรงนี้ และด้วยระยะเวลา บีบบังคับจึงไม่สามารถที่จะชี้ไปอย่างอื่นได้ ต้องดูกันว่าเรื่องนี้จะไป ป.ป.ช.หรือไม่

“ต้องดูว่า DSI ตั้งเรื่องคดีใหม่เป็นคดีอะไร อย่างไร แต่ห้ามซ้ำคดีเดิม อนุมัติเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ถ้าจะเกี่ยวกับยาเสพติด พนันออนไลน์ไปสู่การฟอกเงิน ก็ขึ้นอยู่กับเส้นเงิน ที่เป็นหลักฐานปรากฏอย่างไร เชื่อว่าไม่เกิน 2 เดือนดีเอสไอจะสรุปได้ว่าเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ได้”

‘เต้ มงคลกิตติ์’ บอกว่า มั่นใจดีเอสไอหาหลักฐานถึงตั้งเป็นคดีพิเศษได้ ส่วนตัวมั่นใจ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพราะเห็นฝีมือมาแล้ว แต่ถ้า รมว.ยุติธรรมเป็นคนอื่นจะไม่เชื่อว่าจะมีหลักฐานไปสู่คดีพิเศษได้ และขอให้สังคมจับตาดูว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการตายของแตงโม อาจเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ ต้องเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้างแล้ว

ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมบ้านพระอาทิตย์ ที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้แตงโม ระบุว่าคดีนี้ เป็นการฆาตกรรมอยู่แล้ว เพราะแตงโมไม่ได้ตกเรือ ซึ่งจะเป็นคดีใหม่ และคดีพิเศษที่ดีเอสไอเป็นเจ้าของเรื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการและหาหลักฐานจึงต้องให้เวลาดีเอสไอทำงาน ขอให้ประชาชนติดตามต่อไป

โดยเฉพาะในเดือน ก.พ. ดีเอสไอจะเริ่มมีความเข้มข้นในคดีนี้ และจะมีคนนอกหลายคน ทั้งมีสี และไม่มีสี เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย และทุกอย่างจะออกมาเองว่าเชื่อมโยงกับพวกค้ายาเสพติดและเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ เพราะมันเกิดขึ้นเป็นขบวนการ จึงต้องรอเวลาให้ดีเอสไอ ทำงานหาหลักฐานได้ก่อนที่จะตั้งเรื่องเป็นคดีพิเศษ !

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น