พบ พระปัญญา สีสัน ที่ขอลี้ภัยหนุนกิจกรรมอนาคตใหม่มาตลอด โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่จนถูกดำเนินคดี โบว์-ณัฏฐา โดดช่วยอาสารับบริจาค ปลายทางยุโรป คนวงการสงฆ์ชี้รอบนี้มีพระผู้ใหญ่ “เกียร์ว่าง” เหตุไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์เป็นทุนเดิม หลัง “สมเด็จช่วง” ไม่ได้ขึ้นสังฆราช จนพระ-เณรร่วมม็อบ สะท้อนปัญหาวงการสงฆ์ ส่วนพระลี้ภัยเอาตัวรอดคนเดียว ที่เหลือถูกเจ้าอาวาสเรียกตัวกลับ
พระร่วมชุมนุมกับม็อบถือว่าเป็นภาพที่พบเห็นได้บ่อยกับการชุมนุมทางการเมืองแทบทุกครั้งในระยะหลัง เพียงแต่สาเหตุของการชุมนุมก่อนหน้านี้เป็นเรื่องการต่อต้านนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน และมีกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนนักการเมืองที่เสียผลประโยชน์ออกมาต่อต้านรัฐบาลใหม่ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศแทน ไม่มีเรื่องของการแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์
แม้ว่าคณะปกครองสงฆ์สูงสุดอย่างมหาเถรสมาคมมีคำสั่งห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2538 แต่การชุมนุมทางการเมืองทุกครั้งจะพบพระ-เณรเข้ามาร่วมชุมนุมทุกครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ม็อบคณะราษฎร 2563 มีพระเข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องสิทธิของสงฆ์ ทั้งการขึ้นเวทีปราศรัย ร่วมขบวนกับผู้ชุมนุมด้วยป้ายที่สะดุดตาคนทั่วไป “เอาคิ้วเราคืนมา” จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก แม้จะมีคำสั่งเดิมของมหาเถรสมาคมห้ามไว้แล้วก็ตาม จนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ออกมาย้ำ
จนวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 มหาเถรสมาคมออกมติเร่งด่วน 4 ข้อ ห้ามพระภิกษุ สามเณร ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง หากฝ่าฝืนคำสั่งหรือมติ มส.ให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการทันที คือ
1.ให้ พศ.แจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองดำเนินการกับพระภิกษุสงฆ์ สามเณรที่เข้าข่ายและฝ่าฝืนคำสั่ง เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง 2538
2.ให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประธานกรรมการฝ่ายการปกครองสงฆ์ วางแนวทางการป้องกัน การชุมนุมของพระภิกษุ สามเณร เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว
3.ให้นำรายชื่อผู้ฝ่าฝืนส่งให้เจ้าคณะผู้ปกครอง เพื่อพิจารณาทางพระธรรมวินัยต่อไป
4.ให้ พศ.แจ้งประสานหน่วยงานที่มีหน้าที่ทางกฎหมาย ตรวจสอบสถานะพระที่เข้าร่วมชุมนุมทุกรูป เพื่อป้องกันพระปลอมเข้าร่วมชุมนุมเพราะจะทำให้ศาสนาเกิดความเสียหาย
พระปัญญา สีสัน ลี้ภัย
หลังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ออกแนวทางดังกล่าวมา แต่ยังพบว่ามีผู้ที่แต่งกายเป็นพระเข้าร่วมชุมนุมซึ่งบางส่วนเป็นพระปลอมที่สวมชุดพระมาร่วมชุมนุม
จากนั้นหนึ่งในพระที่เข้าร่วมชุมนุมกับคณะราษฎร 2563 คือ พระปัญญา สีสัน จากวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ตั้งแต่วันแรกๆ ที่อาตมาถูกยัด 112 จำแลง ด้วย พ.ร.บ.คอมพ์ (5 ปี × 6 = 30 ปี) อาตมาปรึกษากับทุกๆ คนที่อาตมาคิดว่า ท่านเหล่านั้นน่าจะให้คำปรึกษาแก่อาตมาได้ กับ ส.ส.ก็คุยหลายท่าน กับครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยก็คุยหลายท่าน กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คุยหลายท่าน กับผู้ลี้ภัยทางการเมืองก็คุยหลายท่าน
ทุกท่านก็มีน้ำใจกับอาตมา ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ บ้างก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ปลอดภัยแล้วใช่ไหม”
อยู่ในวัด อาตมาไม่สามารถเล่าเรื่องที่ตนเองถูกกระทำได้ ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้ดูตัวอย่างที่เป็นพลทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อย ข้าราชการตัวเล็กๆ ทำไมพวกเขาต้องปิดปากตัวเองทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่ออาตมามีความพร้อมระดับหนึ่งที่จะบอกสังคมว่าอาตมาถูกระบบรัฐราชการรวมศูนย์กลั่นแกล้ง รังแก อาตมาก็ลงข้อมูลในเฟซตัวเอง ฝากโพสต์ไปทางกลุ่มต่างๆ แอดมินที่อยากช่วย เขาก็อนุมัติโพสต์ให้รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ก็ลงให้ตั้ง 3 โพสต์ ทั้งพระและโยมก็เมตตาช่วยกดไลก์ กดแชร์ ช่วยให้ความเห็น สำนักข่าวก็เมตตาเขียนข่าวให้
จนกระทั่งวันนี้ อาตมาจำเป็นจะต้องใช้เงินก้อนหนึ่งเพื่อให้มีชีวิตที่ปลอดภัยขึ้น ซึ่งก็มีโยม 3 ท่านเอ่ยวาจาปวารณา รวบรวมธารน้ำใจของสาธุชนผู้ไม่ทอดธุระในความอยุติธรรมของบ้านเมืองนี้แล้วมีกำลังทรัพย์ที่เหลือพอสำหรับการกระทำจาคะ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่ตนเองไม่เดือดร้อน
ภิกษุถูกฝึกมาโดยพระธรรมวินัย ถ้าโยมไม่เอ่ยปากปวารณาให้ขอจตุปัจจัย ภิกษุจะขอเป็นการเฉพาะเจาะจงไม่ได้
อาตมาจึงไม่เคยอินบอกซ์ไปบอกใครๆ ว่าอาตมาต้องการจตุปัจจัย อย่างนั้นอย่างนี้ เท่านั้น เท่านี้ เว้นไว้แต่โยมที่ปวารณาให้อาตมาเอ่ยปากขอได้ อาตมาจึงจะขอ
ครูโบว์ทราบเรื่องและเห็นเอกสารด้านคดีความของอาตมามาตั้งแต่ต้น แล้วครูโบว์ได้เอ่ยวาจาให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับอาตมา ตั้งแต่วันแรกที่ครูโบว์ทราบข่าวอีกด้วย
อาตมาขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุกๆ ทุกท่านที่ร่วมกันกระทำจาคะมา ณ โอกาสนี้”
“โบว์” อยากเลือกตั้ง-โดดช่วย
จากนั้น น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กว่า “มีเรื่องด่วนอยากขอความช่วยเหลือจากทุกคน โบว์ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แต่ต้น ได้พิจารณาแล้วว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ และจะเป็นประโยชน์ต่อไป พระสงฆ์รุ่นใหม่ที่มีการศึกษาและวัตรปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง กำลังอยู่ระหว่างทางของการลี้ภัย เพื่อไปตั้งสำนักสงฆ์ในประเทศหนึ่งทางยุโรป ท่านถูกตั้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ถูกทางการนำมาใช้แทน ม.112 หลายท่านคงทราบข่าว เราได้เห็นข้อความเหล่านั้น และหมายเรียกแล้วและมั่นใจว่าไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิด
แต่ด้วยความไม่คงเส้นคงวาของการบังคับใช้กฎหมายอย่างที่ทราบกัน ท่านได้ตัดสินใจลี้ภัยอย่างปัจจุบันทันด่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางไปประเทศที่ 3 ด้วยปัญหาของหนังสือลงตรา เส้นทางที่จำเป็นต้องเลือกจะมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
แต่ที่ปลายทางนั้น หากทำได้สำเร็จ ชาวพุทธหรือผู้สนใจศึกษาในต่างแดนจะได้มีวัดสำหรับผู้ที่ศรัทธาพุทธพจน์ตามพระไตรปิฎกอย่างไม่เจือไสยศาสตร์ ความช่วยเหลือครั้งนี้ จึงเป็นยิ่งกว่าการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยท่านหนึ่งให้ได้รับอิสรภาพ
แต่เป็นการต่อยอดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เป็นที่พึ่งกับผู้คนอีกมากมาย สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่จะได้ร่วมแรงกัน ณ วันนี้ท่านบิณฑบาตเพียงค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อไปให้ถึงปลายทาง ซึ่งเป็นเงินหลักแสนอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินบริจาคผ่านบัญชีโบว์-ณัฏฐามีเข้ามากว่า 2.1 แสนบาท
ชอบอนาคตใหม่
แหล่งข่าวจากวงการพระพุทธศาสนากล่าวว่า ตามพระธรรมวินัยไม่ได้มีข้อห้ามในเรื่องเหล่านี้ แต่จะไปขัดกับกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม ของพระชั้นปกครอง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วคำสั่งของมหาเถรสมาคมไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย ดังนั้น พระหลายรูปจึงเมินเฉยต่อคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เสี่ยงต่ออำนาจในการปกครองของเจ้าอาวาสต้นสังกัด มีสิทธิที่จะห้ามปราม ตักเตือนไปจนถึงลงโทษถึงขั้นสึก
การที่พระออกมาร่วมชุมนุม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภายใต้กฎระเบียบปกครองสงฆ์ก็มีปัญหาอยู่ในระดับหนึ่ง พระรุ่นใหม่ก็ไม่ต่างจากฆราวาสรุ่นใหม่ ที่แสดงความคิดเห็นตามสภาพปัญหาขึ้นอยู่กับแต่ละรูปว่าจะแสดงออกอย่างไร
กรณีของพระที่ประกาศขอความช่วยเหลือเพื่อลี้ภัยนั้น ท่านใกล้ชิดกับนักการเมืองกลุ่มอนาคตใหม่ เห็นได้จากงานเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เมื่อ 6 ตุลาคม 2561 พระปัญญาได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนั้นและแสดงออกอย่างชัดเจน รวมถึงร่วมขึ้นปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในระหว่างการชุมนุมเมื่อ 19 กันยายน 2563
ที่เป็นคดีความนั้น ก่อนหน้านี้ท่านได้โพสต์ข้อความต่างๆ จนเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 6 ข้อความที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จากเอกสารบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ระบุว่า เป็นการฟ้องร้องสืบเนื่องจากการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของพระปัญญา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562 จำนวน 2 โพสต์ วันที่ 17 ตุลาคม 2562 จำนวน 2 โพสต์ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 และวันที่ 11 ธันวาคม 2562
ข้ามหัวมหาเถรสมาคม
ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดญาณฯ ก็ได้เตือนพระปัญญาแล้ว แต่ท่านยังคงแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้นคงยากที่ท่านจะอยู่ที่วัดเดิมและการหาวัดอยู่ใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยที่ท่านมีลู่ทางในต่างประเทศพอสมควร ดังนั้น จึงออกไปต่างประเทศ แต่ด้วยวิธีการที่ท่านปฏิบัตินั้นถือว่าเป็นการก้าวข้ามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของคณะสงฆ์ปกครอง เนื่องจากพระสงฆ์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศจะต้องขออนุญาตต่อทางมหาเถรสมาคมก่อน
เท่าที่ทราบตอนนี้ท่านใช้ช่องทางธรรมชาติออกไปที่ประเทศเพื่อนบ้านและเดินทางต่อไปอีกประเทศหนึ่งเพื่อเดินทางต่อไปประเทศแถบยุโรป ส่วนที่จะไปสร้างวัดในต่างประเทศนั้นต้องดูว่าจะเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์ เพราะการสร้างวัดต้องได้รับอนุมัติจากทางมหาเถรสมาคมในประเทศไทยก่อน แต่เมื่อท่านปฏิเสธอำนาจของมหาเถรสมาคมแล้ว การที่จะมาขออนุมัติสร้างวัดคงเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ตั้งนิกายใหม่ที่ไม่ขึ้นกับมหาเถรสมาคมในประเทศไทย
เรื่องเหล่านี้ขึ้นอยู่กับมุมมองว่าจะเลือกมองมุมไหน เพราะการลี้ภัยไม่ใช่เรื่องง่ายต้องมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องมีเครือข่ายให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทางไปจนถึงปลายทาง พระหรือสามเณรที่เข้าร่วมชุมนุมไม่ใช่มีแค่พระปัญญาเพียงรูปเดียว รูปอื่นๆ ที่ไม่มีศักยภาพแบบท่านก็ต้องกลับวัดต้นสังกัดรับโทษตามที่คณะสงฆ์ชั้นปกครองพิจารณา ขณะที่คนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าวของพระปัญญา เพราะสามารถต่อสู้คดีในประเทศไทยได้
อีกมุมหนึ่งพระสงฆ์หรือสามเณรอีกจำนวนไม่น้อย แม้ว่ากฎระเบียบอย่างอาจไม่ถูกใจ ท่านยังเลือกที่จะศึกษาพระธรรมวินัย ทำหน้าที่ของสงฆ์ตามทิศทางที่ควรเป็น ก็สามารถดำรงตนอยู่ได้ด้วยการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนให้แก่ประชาชน
เกียร์ว่าง
ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความขุ่นเคืองให้แก่วงการสงฆ์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสายของมหาเถรสมาคมขั้วอำนาจเก่า เพราะหลังจากการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ ส่งผลให้สมเด็จช่วงฯ พลาดจากการขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช รวมไปถึงดำเนินการทางคดีความกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย (ขณะนั้น) แน่นอนว่ามีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่อยากให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลตั้งแต่สมัย คสช.จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ดังนั้น เมื่อเกิดการชุมนุมแล้วมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งเข้าร่วม พระปกครองสายเก่าที่ยังมีตำแหน่งอยู่ จึงเลือกใช้วิธีเกียร์ว่าง ให้พระเหล่านี้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะหากสำเร็จก็เท่ากับตัวเองสมหวังด้วย เพราะถ้ารัฐบาลชุดนี้พ้นทางแล้วได้พรรคใหม่ที่เกื้อหนุนกับพระผู้ใหญ่อยู่ อำนาจที่เคยหายไปก็จะกลับคืนมา