เซียนพระเมืองนครศรีธรรมราช เปิดตัวผู้อยู่เบื้องหลังปั่นกระแสความศักดิ์สิทธิ์ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” สร้างรายได้มหาศาล เน้นจุดแข็ง ‘ขอได้ ไหว้รับ’ ส่วนเบื้องหน้าที่สังคมได้เห็นจะมีเพียงกรรมการวัดและชุมชน พร้อมวิธีสร้างราคาที่ทำให้ผู้เกี่ยวข้อง ‘รวย รวย รวย’ ยันรายใหม่คิดจะไปสร้างเหรียญไอ้ไข่ของแท้จำหน่ายไม่สำเร็จแน่เพราะมีกลุ่มผูกขาดผลประโยชน์ไปแล้ว ระบุมีผู้เกี่ยวข้อง 4 ฝ่ายสร้างความสำเร็จสู่ยุค ‘ไอ้ไข่’ ฟีเวอร์เหมือนยุคจตุคามรามเทพ จับตาผู้อยู่เบื้องหลังเร่งหาทางกระตุ้นไม่ให้ไอ้ไข่ถึงจุดจบได้เร็วและไร้ค่า ขณะที่ ‘ไอ้ไข่’ มีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้!
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ที่มีผู้คนแห่ไปกราบไหว้สักการะ บนบานเพื่อขอโชคลาภจาก ‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’ อ.สิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ดูไปแล้วน่าจะมีความคล้ายกับปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ หรือจตุคามรามเทพฟีเวอร์ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2549
เพียงแต่ว่ากระแสฟีเวอร์ที่กำลังเกิดขึ้นกับ ‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’ จะอยู่ได้นานเพียงใด
และเมื่อความนิยมลดลงจะหายไปจากความศรัทธาของประชาชนเช่นเดียวกับจตุคามรามเทพที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่นครศรีธรรมราชอันเป็นถิ่นกำเนิดเท่านั้น
ตรงนี้เป็นสิ่งที่คนนครศรีธรรมราชที่เกี่ยวข้องกับการทำวัตถุมงคลเฝ้าติดตามและบอกว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปั้นหรือจุดพลุ ‘ไอ้ไข่’ ได้บทเรียนจากปรากฏการณ์จตุคามรามเทพมาแล้วที่เคยโด่งดังสร้างมูลค่ากว่านับหมื่นล้านบาท แต่เมื่อถึงจุดเสื่อมกลับไร้ค่าไร้ราคา จึงต้องคิดและหาวิธีการจะรักษาความเชื่อ ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ‘ไอ้ไข่’ ให้ยาวนานที่สุด และจะต้องไม่ให้เงียบหายจากตลาดวัตถุมงคลเหมือนจตุคามรามเทพที่คาดว่าจะไม่มีโอกาสกลับมาเป็นที่นิยมอีกแน่นอน
เซียนพระจากนครศรีธรรมราช เล่าว่า การจะปั้นวัตถุมงคลให้เป็นที่เชื่อถือและศรัทธาของประชาชนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาและต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ซึ่งจะว่าไปแล้วทั้งจตุคามฯ และไอ้ไข่ ใช้สูตรสำเร็จเดียวกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้หากมองเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ สามารถสร้างรายได้มหาศาล!
โดยเฉพาะกรณีของ ‘ไอ้ไข่’ เป็นเรื่องที่คนที่เกี่ยวข้อง และเซียนพระเมืองนครฯ มองเห็นตั้งแต่ ‘จตุคามฯ’ ซบเซาจนกระทั่งเงียบหายไปจากวงการวัตถุมงคล เมื่อกลางปี 2550
“จตุคามเริ่มมีเรื่องเล่ากันมาตั้งแต่ปี 2530 และมีตำนานที่ใช้อ้างอิงได้ ตั้งแต่ยุคขุนพันธรักษ์ราชเดช จนกลายเป็นของขลังของคนใต้ มีการสร้างจตุคามฯ ครั้งแรกในปี 2530 เพื่อหารายได้สร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช แต่ช่วงนั้นมีการสร้างน้อยมากและยังไม่เป็นที่รู้จักจึงไม่ค่อยมีคนสนใจ”
เมื่อเวลาผ่านมาประมาณเกือบ 10 ปี เซียนพระที่นครศรีธรรมราชก็เริ่มเห็นโอกาสโดยในปี 2542 มีคนให้ความสนใจเพราะมีการเล่าขานกันลักษณะปากต่อปากว่า ขอได้ ไหว้รับ คือใครได้ไปบูชาแล้วมีโชคลาภ ค้าขายดี หากบูชาแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดังนั้น
กระทั่งในปี 2547 จึงมีการสร้างจตุคามรามเทพกันหลายรุ่น และวัดต่างๆ ก็มีการสร้างองค์จตุคามรามเทพไว้ให้ประชาชนไปสักการบูชา รวมทั้งมีการสร้างเหรียญจตุคามรามเทพพิมพ์ต่างๆ ออกมามากมาย
อย่างไรก็ดี ความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์จตุคามรามเทพมาถึงขีดสุดหรือพีกสุดในปี 2549 ต่อเนื่องไปจนถึงกลางปี 2550 ว่ากันว่าราคาของจตุคามรามเทพรุ่นแรกที่เปิดจำหน่ายสามารถปั่นราคาไปจนถึงหลักล้านบาทได้
สุดท้ายจตุคามรามเทพก็กลายเป็นวัตถุมงคลที่ไม่มีราคาในตลาดพระเครื่องและเงียบหายไปในที่สุด
เซียนพระเมืองนครฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสร้างจตุคามรามเทพออกสู่ท้องตลาด บอกว่ากรณี “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ก็ถูกนำมาคิดและวางแผนกันตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และต้องไปศึกษาความเป็นมาของไอ้ไข่ซึ่งช่วงแรกๆ ก็แค่เป็นการคุยกันในวงเซียนพระ และค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ ในชุมชน ในจังหวัด และเชื่อว่าจุดที่พีกที่สุดจะอยู่ที่ช่วงที่คนในสังคมรู้สึกว้าเหว่ขาดที่พึ่งทางจิตใจ เศรษฐกิจไม่ดีก็จะต้องหันมาพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ใครจะบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริง ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเริ่มมีคนไปบนบานไอ้ไข่ก็มีได้บ้างไม่ได้บ้าง ใครได้ก็ไปแก้บนกันไป เรื่องนี้ทางวัดก็ต้องรู้จักวิธีจัดการที่จะทำให้ประชาชนศรัทธา มาที่วัดที่ไอ้ไข่ของแท้”
ที่สำคัญเรื่องราว หรือ Story ที่จะทำให้คนเชื่อและศรัทธาต่อ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ง่ายกว่าเรื่องราวของจตุคามรามเทพซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่าและการจะสร้างเหรียญหรือวัตถุมงคลของไอ้ไข่ก็ง่ายอีกเช่นกัน
“ไอ้ไข่ เป็นเด็กวัดธรรมดาที่ถูกหยิบขึ้นมา จะสร้างเหรียญต่างๆ ก็ไม่ต้องมีหลายพิมพ์เหมือนจตุคามฯ ที่มีประวัติศาสตร์แต่ละพิมพ์ก็จะบ่งบอกเรื่องราว ส่วนไอ้ไข่ก็แค่ท่ายืนธรรมดา
สำหรับจุดขายของไอ้ไข่ที่จะทำให้คนศรัทธาจึงอยู่ที่ ‘ขอได้ ไหว้รับ’ เหมือนกับจตุคามรามเทพ
เซียนพระเมืองนครเล่าอีกว่า ความสำเร็จของการสร้างกระแสความเชื่อและศรัทธาหรือสร้างความศักดิ์สิทธิ์ต่อ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ที่สังคมมองเห็นจะเป็นเพียงกรรมการวัดเจดีย์หรือชาวชุมชนเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วความสำเร็จครั้งนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังก็เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่จุดพลุจตุคามรามเทพ
นั่นก็คือนักเล่นพระหรือเซียนพระที่นครศรีธรรมราช และเซียนพระจาก กทม.จับมือกัน และมีการพูดคุยแบบจริงๆ จังๆ เมื่อ 2 ปี
ดังนั้น ถ้ารายใหม่ๆ คิดจะเข้าไปติดต่อทำโครงการเหรียญ ‘ไอ้ไข่’ รุ่นต่างๆ ของแท้จากวัดเจดีย์ อ.สิชล เพื่อออกจำหน่ายในท้องตลาดในเวลานี้ก็หมดโอกาสแล้วเช่นเดียวกัน
ใครคิดจะทำเหรียญไอ้ไข่ ต้นกำเนิดจากวัดเจดีย์ในเวลานี้ คุยกับวัดกรรมการวัดยากแล้ว เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของผลประโยชน์ไปหมดแล้ว เวลานี้ไอ้ไข่ถึงจุดที่พีก ไม่ต้องการนักลงทุนมาคิดโครงการให้แล้วซึ่งถ้ามาติดต่อไว้ก่อนหน้านี้ในช่วง 6 เดือน ถึง 2 ปี บอกได้เลยเห็นเงินเป็นกอบเป็นกำ อยากได้ล้านบาทก็หาง่ายๆ
เซียนพระเล่าต่อว่า ความสำเร็จในการสร้างไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ให้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และโด่งดังไปทั่วจนทำให้หลายๆ วัดต่างพากันสร้างไอ้ไข่ไว้ให้ประชาชนเข้าไปสักการบูชา ขอโชคลาภนั้น มีผู้เกี่ยวข้องอยู่ 4 ฝ่ายภายใต้ผู้อยู่เบื้องหลัง คือ เซียนพระที่นครศรีธรรมราช และเซียนพระจาก กทม. ประกอบด้วย
1. วัดเจดีย์ ที่มีกรรมการวัดและชาวชุมชน เพื่อจะสร้างออกในนามวัดเจดีย์ของแท้ได้
2. ทีมจัดการ เป็นตั้งแต่การทำพิธีเพื่อให้เกิดความขลัง ทีมติดต่อสร้างและออกแบบเหรียญ
3. พวกเชียร์ นั่นก็คือเซียนพระที่นครศรีธรรมราช และเครือข่ายเซียนพระที่ กทม. ซึ่งก็คือช่องทางจัดจำหน่ายทั้งหมด
4. ทีมการตลาดออนไลน์ สำคัญมากๆ สร้างกระแสศรัทธามากๆ คนถูกหวยต้องตอกย้ำ ซึ่งจะนำไปสู่การปั่นราคาหรือสร้างราคาวัตถุมงคลเหรียญไอ้ไข่ได้ง่าย!
“วิธีการสร้างราคาทำได้ไม่ยาก เช่นรุ่นนี้จะทำแค่ 10,000 เหรียญ เขาจะปล่อยขายแค่ 5 พันเหรียญในพื้นที่ อีก 5 พันเหรียญ เซียนจะเหมาทั้งหมดในราคาทุน คือเหรียญเหล่านี้จะอยู่ในมือกลุ่มนี้เท่านั้น เมื่อความต้องการมีมากก็จะมีการปั่นราคาขึ้นมาได้ง่าย เหมามาเหรียญละ 100 บาท จะถูกดันขึ้นไป 1,000 บาท และ 10,000 บาทได้ง่าย ถามว่า 5 พันเหรียญ เหรียญละหมื่น เงิน 50 ล้านก็ได้ง่ายๆ”
ปัจจุบันที่มีการสร้างเหรียญไอ้ไข่ วัดเจดีย์ จะใช้ชื่อรุ่นสื่อให้เห็นเรื่องของโชคลาภ เช่นปี 2556 เริ่มมีชื่อรุ่น “รุ่นรับทรัพย์” มีทั้งเหรียญ ทั้งองค์ลอย ซึ่งมีทั้งเนื้อทองแดง โลหะ และเมื่อกระแสความนิยมจากโซเชียลฯ มีมากขึ้น ในปี 2562 ก็มีการออกรุ่นทรัพย์เหลือล้น ออกพิมพ์นิยม และพิมพ์ปรกมะขาม พร้อมออกวัตถุมงคล เครื่องราง ส่วนปี 2563 จะมีรุ่นสรงน้ำ โดยปี 2564 เปิดจอง รุ่นยอดทรัพย์ เป็นต้น
“ช่วงนี้เป็นช่วงที่พีกสุด จะออกมาเป็นแสนเหรียญก็มีคนจองหมด เมื่อมีคนไปกราบไหว้มากๆ ก็คือศรัทธามาก ยิ่งคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เมื่อคนไปขอโชคลาภ ได้เพียง 5% มีกระแสออกสื่อต่อเนื่อง ความศรัทธาก็ยังน่าจะไปต่อได้”
ขณะเดียวกันวัดก็ยังสามารถหารายได้จากที่คนศรัทธา จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนจำนวนมากต้องการที่จะไปขอโชคขอลาภจากไอ้ไข่
ส่วนวัดอื่นๆ ที่มีรูปปั้นไอ้ไข่ ก็สามารถสร้างกระแสศรัทธาได้เช่นเดียวกัน ประกอบด้วยที่วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดนครปฐม, วัดห้วยเปล้า จังหวัดอุทัยธานี, วัดโปรยฝน จังหวัดปทุมธานี, วัดสนามชัย จังหวัดอ่างทอง, วัดเขากรวด จังหวัดราชบุรี, วัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น
ว่ากันว่าสิ่งที่กำลังทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปั่นกระแสความเชื่อ ความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของ ‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’ เกิดอาการวิตกในเวลานี้คือกระแสความนิยมนี้จะไปได้แค่ไหน และจะต้องเร่งหาวิธีการจัดการให้ดีที่สุด เพราะไม่ต้องการให้ไอ้ไข่จบเร็วหรือถึงจุดไร้ค่าอย่างจตุคามรามเทพแบบเงียบหายไปจากวงการวัตถุมงคลในเวลารวดเร็ว
ถึงเวลาจำเป็นต้องจุดพลุของแท้ต้องออกจากวัดเจดีย์และผูก Story ไอ้ไข่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดที่คนนครศรีธรรมราชก็ยังงงๆ ว่าประวัติศาสตร์ไปเกี่ยวข้องอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปคัดค้านหรือไปสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องในช่วงนี้ เกรงจะโดนโจมตีจากคนที่ศรัทธา
ถึงวันนี้ไม่ว่า ‘ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์’ จะมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่? หรือมองเป็นเพียงปูนปั้นในสายตาบางคนก็ตาม แต่อย่างน้อย ‘ไอ้ไข่’ ก็ได้ช่วยให้คนมีที่พึ่งและยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดต่างๆ ที่มีรูปปั้นไอ้ไข่ไว้ขอโชคลาภได้เช่นกัน!