พิษ Covid-19 กดดอกเบี้ยต่ำ บีบช่องทางออมเงินแทบไม่เหลือตัวเลือก แม้รัฐบาลออกพันธบัตรรัฐบาลดอกเบี้ยดีมา 2 รุ่น แต่หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว พบปัญหาธนาคารผู้รับจำหน่ายอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารายใหญ่เป็นลำดับแรก ขาจร-เงินน้อยไม่มีทางเข้าถึง เว้นแต่เป็นรุ่นที่ผลตอบแทนน้อย แม้หุ้นกู้ดอกดีก็ไม่เหลือถึงรายย่อยเช่นกัน กลายเป็นอีกหนึ่งช่องว่างทางชนชั้น ตัวเลือกที่มีขณะนี้คือฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง แต่ดอกเบี้ยปรับลดลงได้ตามประกาศของธนาคารโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ
ผลทางเศรษฐกิจของพิษ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาคประชาชนอย่างถ้วนหน้า หลายคนต้องตกงาน ขาดรายได้ ภาคธุรกิจต้องประคองตัว ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกมาตรการร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีภาระหนี้สินและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประเทศไทยประสบปัญหาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจึงอยู่ในอัตราที่ต่ำมาเป็นเวลานาน COVID-19 ยิ่งทำให้ดอกเบี้ยในประเทศตกต่ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 0.5%
ในฝั่งของผู้มีภาระหนี้ดอกเบี้ยต่ำนับเป็นเรื่องที่ดี ช่วยลดภาระหนี้สินลงได้ และยังกระตุ้นให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยหรือกล้าลงทุนมากขึ้น
แต่ในฝั่งของผู้มีเงินออมสถานการณ์เช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากให้แก่กลุ่มที่เกษียณอายุ แม้จะเก็บออมเงินมาทั้งชีวิต หวังใช้ดอกผลจากดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อไว้ใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิต เมื่อดอกเบี้ยอยู่ในขาลงที่แทบจะติดดิน การดำรงชีวิตย่อมอยู่ด้วยความยากลำบาก
นาทีนี้บรรดาสถาบันการเงินต่างก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงมาตามสภาพตลาด และเมื่อไม่มีความจำเป็นที่ต้องปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจที่ต่างต้องประคองตัว จึงไม่ต้องใช้ดอกเบี้ยจูงใจในการระดมเงินฝาก
พันธบัตรดอกเบี้ยงามหมดเร็ว
แม้ว่ารัฐบาลที่ให้เงินช่วยเหลือกลุ่มอาชีพต่างๆ จะออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 อัตราดอกเบี้ยขั้นบันไดอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.4% และอายุ 10 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในเวลานี้ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เริ่มจำหน่าย 14 พฤษภาคม-10 มิถุนายน 2563
แม้ว่ารอบนี้จะจำกัดเพดานซื้อสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และให้สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นลำดับแรกระหว่าง 14-20 พฤษภาคม 2563 จากนั้น 21-27 พฤษภาคม 2563 เป็นรอบของประชาชนทั่วไป (รวมผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป) พันธบัตรรุ่นนี้หมดลงในช่วงเช้าของวันแรกในรอบประชาชนทั่วไป
การจำหน่ายสามารถทำได้ผ่านช่องทาง BOND DIRECT Application ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (เครื่อง ATM) ระบบอินเทอร์เน็ต Mobile Application และเคาน์เตอร์ทุกสาขาของธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์
วอลเล็ต สบม.1.39 นาที เกลี้ยง
จากนั้นได้มีพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นวอลเล็ต สบม. ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 นั้น ได้วงเงินจำหน่ายวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท หน่วยละ 1 บาท โดยพันธบัตรจะมีอายุ 3 ปี หรือกำหนดวันครบอายุไถ่ถอนวันที่ 24 มิถุนายน 2566 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.70 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง
วงเงินซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 100 บาท และวงเงินซื้อขั้นสูงที่ 500,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้าซื้อ เปิดจำหน่ายได้ตั้งแต่วันพุธที่ 24 มิถุนายน จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ผู้สนใจต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตัง ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านวอลเล็ต สบม. ก่อนวันเปิดจำหน่าย
ทั้งนี้ พันธบัตรออมทรัพย์รุ่นวอลเล็ต สบม. ของกระทรวงการคลังรุ่นนี้ จำหน่ายหมดภายในเวลา 1.39 นาทีของวันแรกที่เปิดจำหน่าย
รายใหญ่มาก่อน-ขาจร "อด"
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินกล่าวว่า พันธบัตรทั้ง 2 รุ่นนั้น แม้ว่าจะต้องหักภาษีอีก 15% แต่ถือว่าดอกเบี้ยที่ได้รับนั้นสูงกว่าดอกเบี้ยในตลาดซื้อขายพันธบัตร ด้านหนึ่งถือว่าเป็นความช่วยเหลือของรัฐบาลที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีแก่ประชาชนที่ซื้อพันธบัตร เห็นได้จากการเน้นไปที่กลุ่มเกษียณอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นลำดับแรกและยังเปิดโอกาสให้ซื้อได้ในรอบประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ที่จริงพันธบัตรรัฐบาลจะมีการเสนอขายกันทุกปี แต่ละรุ่นจะให้อัตราดอกเบี้ยตามสภาพตลาด บางรุ่นที่ให้ผลตอบแทนไม่น่าจูงใจ บุคคลทั่วไปสามารถซื้อได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด แต่พันธบัตรบางรุ่นที่ให้ผลตอบแทนดี มักจะจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว คนทั่วไปที่หวังว่าจะเข้าไปซื้อพันธบัตรตามธนาคารที่จำหน่ายมักจะผิดหวังอยู่เสมอ
ถ้าดอกเบี้ยของพันธบัตรรุ่นนั้นดี ลูกค้าขาจรยากมากที่จะซื้อพันธบัตรได้ ส่วนใหญ่ที่ซื้อได้มักเป็นลูกค้าประจำของสาขาธนาคารแห่งนั้น แต่ก็ต้องแย่งกันซื้อเช่นกัน ลูกค้ารายใหญ่ที่เงินฝากกับสาขาของธนาคารแห่งนั้นที่เป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตร เมื่อมีพันธบัตรใหม่ออกมาเจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อเข้าไปยังลูกค้าเพื่อแจ้งให้ทราบ หากลูกค้าสนใจซื้อก็จะเตรียมเอกสารจองซื้อไว้ให้ เมื่อถึงเวลาเปิดจำหน่ายก็ส่งคำสั่งซื้อเข้าไปในลำดับแรกๆ
หากไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ แต่แจ้งความประสงค์ต่อธนาคาร ก็จะมีเอกสารจองซื้อพันธบัตรไว้ให้หักจากบัญชีที่เปิดไว้อยู่ กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญรองจากลูกค้ารายใหญ่ ขาจรไม่ต้องพูดถึง หากซื้อได้ก็มักจะเป็นพันธบัตรรุ่นที่คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อกัน
ปัจจุบันสามารถซื้อพันธบัตรผ่าน Application ได้ แน่นอนว่าความสามารถในการใช้สิทธิดังกล่าวย่อมอยู่ในกลุ่มของผู้เริ่มทำงานและวัยกลางเป็นหลัก ด้านหนึ่งอาจเป็นการขยายฐานของผู้ออมลงไปที่บุคคลอายุต่ำลง แต่คนกลุ่มหลักของการออมมักเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้น ตัว application ต่างๆ หรือการขยายช่องด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จึงเป็นอีกข้อจำกัดหนึ่งของการเข้าถึง และธนาคารบางแห่งก็ได้กันพันธบัตรจำนวนหนึ่งไว้ให้แก่ลูกค้าที่ใช้แอปของธนาคาร
อีกประการหนึ่ง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลนั้น ผู้สนใจมักจะต้องติดตามข่าวสารกันเอง แม้จะมีข่าวออกมาบ้างแต่ไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง ส่วนใหญ่แล้วทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะแจ้งเสนอขายพันธบัตรปีละ 2 ครั้ง ส่วนลูกค้ารายใหญ่ไม่ต้องห่วงเพราะธนาคารมักแจ้งให้ทราบก่อนเสมอ
หุ้นกู้ดอกดีเข้าถึงยาก
ที่จริงผู้มีเงินออมจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนใจ ยอมรับความเสี่ยงแลกกับผลตอบแทนที่สูงกว่าฝากเงินในบัญชีต่างๆ หรือซื้อพันธบัตรไม่ทัน หลายคนสนใจหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปผ่านสาขาของธนาคารต่างๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วหุ้นกู้ของบริษัทที่มั่นคง ผลตอบแทนดี มักไม่เหลือถึงมือของผู้ออมเงินทั่วไป
เพราะหลักการจะเป็นแบบเดียวกับการซื้อพันธบัตรรัฐบาล คือ ธนาคารในฐานะผู้จัดจำหน่ายต้องรับผิดชอบกับยอดขาย ดังนั้นเป้าหมายแรกคือการจัดสรรให้แก่ลูกค้าขาประจำของธนาคารก่อน หากเหลือจึงตกถึงมือของขาจร ซึ่งหุ้นกู้ดีๆ ที่ให้ผลตอบแทน 3% ขึ้นไปนั้นมักไม่เหลือตกมาถึงมือของบุคคลทั่วไป
จึงทำให้การเข้าถึงหุ้นกู้ที่บริษัทมั่นคง ดอกเบี้ยสูง ถูกจำกัดการเข้าถึงไปด้วยเช่นกัน
ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เข้าถึงแหล่งเงินออมที่ได้รับผลตอบแทนดีๆ ถูกจำกัดเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีเงินออมสูงเป็นหลัก คนที่มีเงินออมไม่มากและซื้อในหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนบาท มักไม่มีโอกาสในการเข้าถึง กลายเป็นช่องว่างทางชนชั้นของประชาชนอีกรูปแบบหนึ่ง
เท่าที่ตรวจสอบช่วงเวลานี้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 2% ของธนาคารทิสโก้ บัญชีออมทรัพย์ TISCO My Savings อัตราดอกเบี้ยกำหนดตามวงเงิน หากต่ำกว่า 5 หมื่นบาทได้ 0.2% เงินฝาก 5 หมื่น-1 แสนบาท ได้ดอกเบี้ย 2% เงินฝาก 1 แสน-1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1.10% ฝากขั้นต่ำ 1 พันบาท ไม่กำหนดเพดานสูงสุด เปิดได้เพียงบัญชีเดียว จ่ายดอกเบี้ยทุกวันที่ 25 ของเดือน
การฝากเงินสดหรือเช็คของธนาคารทิสโก้ ณ สาขา ของธนาคารทิสโก้ จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากเงินข้ามเขต การถอน/โอนเงิน สามารถถอนเงินได้ทุกสาขาธนาคารทิสโก้ หรือช่องทางอื่นตามที่ธนาคารกำหนด โดยธนาคารจะยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการถอนเงินข้ามเขต สำหรับการถอนเงินผ่านสาขาหรือเครื่อง ATM ของธนาคารทิสโก้เท่านั้น
ค่ารักษาบัญชี กรณีบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลา 24 เดือนติดต่อกัน และมียอดคงเหลือต่ำกว่า 2,000 บาท ธนาคารจะเรียกเก็บค่ารักษาบัญชีเงิน 50 บาทต่อเดือน
ข้อควรระวัง การปิดบัญชีภายใน 7 วัน นับจากวันที่เปิดบัญชี ธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมการปิดบัญชี 100 บาท กรณีลูกค้าไม่ทำรายการจนทำให้บัญชีไม่เคลื่อนไหวติดต่อกันนาน 12 เดือน และมียอดเงินคงเหลือในบัญชี ณ ขณะนั้นเท่ากับ 0 บาท ธนาคารจะปิดบัญชีทันที
ดอกเบี้ยลดได้ตามประกาศของแบงก์
อาจจะมีอีกหลายธนาคารที่ออกเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ผู้ประสงค์ที่จะออมต้องอ่านเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจ ส่วนใหญ่ตัวดอกเบี้ยสูงจะมีการกำหนดวงเงินไว้ว่าช่วงใด พิจารณาข้อกำหนดอื่นด้วย เช่นบางธนาคารกำหนดให้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของธนาคารเพิ่ม เงื่อนไขค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น เบิกถอนข้ามเขตฟรี
อีกประการหนึ่งที่ผู้ต้องการออมควรทราบนั่นคือ เงินฝากออมทรัพย์ไม่เสียภาษีกรณีดอกเบี้ยรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่ตัวดอกเบี้ยนี้ทางธนาคารสามารถปรับลดลงได้ตลอดเวลาตามประกาศของธนาคาร เช่น ท่านอาจได้อัตราดอกเบี้ย 2% อยู่ระยะหนึ่ง ธนาคารมีสิทธิที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงมาได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ต่างจากบัญชีเงินฝากประจำ หรือพันธบัตรรัฐบาลที่การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต้องรอครบกำหนดก่อน
ข้อดีของเงินฝากแบบนี้ถือว่ามีความคล่องตัว ถอนได้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด แต่ระวังอย่าผิดเงื่อนไขมิเช่นนั้นอาจถูกคิดค่าธรรมเนียมได้