เบื้องหลัง ‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ ออกมาไล่ตะเพิดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ วงในเชื่อรับใบสั่งเพื่อหวังยึดเก้าอี้กระทรวงพลังงาน ที่มีขุมทรัพย์นับแสนล้านให้บริหาร ระบุ ‘วิรัช-ชัยวุฒิ’ ซี้ปึ้กในฐานะประธาน-เลขาฯ วิปรัฐบาล ส่วนกับกลุ่มสามมิตร บริหารงานสไตล์คณิตศาสตร์ ยันไม่ว่าใครในกลุ่มขึ้นมาจะทำให้แผ่บารมีไปกลุ่มอื่นได้ ขณะที่ ‘ชัยวุฒิ’ หลังถูกบิ๊กตู่ปราบ ต้องออกมาแจงสี่เบี้ยไม่ได้มีเจตนาไล่ ‘สมคิด’ แค่อยากให้ปรับทฤษฎีการทำงาน จับตาจะมีขบวนการเขย่าสมคิดอีกหรือไม่!?
เหตุใด!? นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ถึงกล้าหาญออกมาไล่ตะเพิด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้กลับไปเลี้ยงหลานหรือกลับไปเป็นนักวิชาการคงจะเหมาะมากกว่า เพราะวันนี้พรรค พปชร.มีคนที่ดีกว่าทีมสมคิดอีกมากมายที่พร้อมจะเข้ามาทำงาน ซึ่งเราต้องการคนดีมาช่วยทำให้พรรคสามัคคี เข้มแข็ง และเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน
อีกทั้งยังพูดถึงการทำงานของทีมนายสมคิด ที่ทำมาตลอด ก็สร้างปัญหาภายในพรรคจนต้องแก้อยู่ทุกวันนี้ และยังต้องการรักษาตำแหน่ง จึงไม่ยอมไปหรือไม่?
แล้วเหตุใดนายชัยวุฒิ จึงต้องออกมาขับไล่นายสมคิด และทีม ถือเป็นการเปิดเกมเขย่าเก้าอี้ทีมนายสมคิด ต่อจากการประกาศชู นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หรืออาจารย์แหม่ม ขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายการชู อาจารย์แหม่ม ก็ไม่สามารถจะฝ่ากระแส ‘ยี้’ ของสังคมไปได้จึงต้องออกมาแก้เกมว่าเป็นทีมเศรษฐกิจพรรคไม่ใช่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อย่างไรก็ดี กรรมการบริหารพรรค พปชร.ชุดใหม่ บอกว่า การออกมาตะเพิดนายสมคิด ของนายชัยวุฒิ ครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง ที่จะต้องมีกลุ่มมีก๊วน หรือมีมุ้งของตัวเอง ก็ต้องการให้กลุ่มตัวเองได้เก้าอี้รัฐมนตรี โดยเฉพาะหากได้เก้าอี้เกรด A ก็จะยิ่งแผ่บารมีไปยังกลุ่มอื่นๆ ได้ง่าย
นายชัยวุฒิ เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ จบวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ จบปริญญาโทวิศวะจากอเมริกา และยังจบโทด้านเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ด้วย แต่เขายังไม่มีบารมีเพียงพอที่จะได้เก้าอี้รัฐมนตรี แม้จะเป็น ส.ส.มาหลายสมัย เคยอยู่ ปชป. พรรคชาติไทย ซึ่งการออกมาครั้งนี้ก็แค่เขย่าเก้าอี้ทีมนายสมคิด ให้สั่นคลอน เพื่อให้พวกตัวเองเข้ามาเป็นรัฐมนตรีให้ได้”
โดยเก้าอี้รัฐมนตรีที่หมายตาของกลุ่มนี้มากที่สุด คือ กระทรวงพลังงาน ที่มีขุมทรัพย์พลังงานซ่อนอยู่มากมายมหาศาล ดูได้จากงบประมาณรายจ่ายปี 64 กระทรวงพลังงานได้ตั้งงบไว้ประมาณ 2,390 ล้านบาท แต่จริงๆ แล้วที่นี่ยังมีกองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน รวมๆ แล้วประมาณเกือบ 8 หมื่นล้านบาท
“กระทรวงนี้ถ้ารวมงบประมาณ บวกกับกองทุนต่างๆ รวมแล้วเป็นแสนล้านบาท แต่จริงๆ มีมากกว่านั้น โดยเฉพาะเรื่องการประมูลจัดสร้างโรงไฟฟ้าต่างๆ นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน หรือการออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ก๊าซธรรมชาติอื่นๆ จะมีเม็ดเงินซ่อนอยู่ตรงนี้มากมาย ถึงขนาดที่นักธุรกิจโรงไฟฟ้าบอกว่ามีเงินสะพัดกิโลวัตต์ละ 1-2 ล้านบาท หายไปตกอยู่ตรงไหนบ้าง คนในกระทรวงพลังงานรู้ดีที่สุด”
ตรงนี้แหละคือเหตุผลสำคัญที่บรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ ในพรรค พปชร.จึงอยากจะเขี่ยทีมนายสมคิดออกไปเร็วๆ
“พวกนี้ไม่ได้มองกระทรวงการคลัง หรือกระทรวง อว.กันหรอก”
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ก็รู้อยู่เต็มอกว่าที่กระทรวงพลังงานคือขุมทรัพย์ที่ทุกฝ่ายต้องการยึดครองจึงจำเป็นจะต้องได้คนที่เชื่อใจได้ ไม่ทำให้รัฐบาลและพรรคเสียหายมานั่งเก้าอี้ตัวนี้
“นายกฯ รู้ว่าที่นี่มีขาใหญ่พลังงาน คุมอะไร เดินอย่างไร แต่รัฐต้องไม่ให้ขาใหญ่เป็นผู้กำหนดทิศทางพลังงานของประเทศได้ เพราะถ้ารัฐมนตรีบริหารงานตามขาใหญ่ หรือเข้ามากอบโกย ประชาชนเดือดร้อนแน่”
แหล่งข่าวในพรรค พปชร.บอกอีกว่า ปัจจุบัน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ มีความใกล้ชิดและสนิทกับนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาลมาก เพราะนายชัยวุฒิ เป็นเลขานุการวิปรัฐบาล ซึ่งหลายคนมองว่ากลุ่มของนายวิรัช และกลุ่ม กปปส.เป็นกลุ่มเดียวกัน ประกอบด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ นายสกลธี ภัททิยกุล และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
“ใน พปชร.ตอนนี้เหมือนบริหารงานด้วยตัวเลข อาจจะดูงงๆ อยู่บ้าง ว่านายชัยวุฒิ จริงๆ เคลื่อนไหวให้กลุ่มตัวเอง หรือกลุ่มสามมิตรกันแน่ แต่ไม่ว่าใครในก๊วนนี้คุมพลังงานก็น่าจะทำให้นายชัยวุฒิ พอใจมากกว่าทีมนายสมคิด”
ว่ากันว่า นายชัยวุฒิ นอกจากจะทำงานการเมืองแล้ว เขายังมีธุรกิจส่วนตัวด้านพลังงาน
ที่สำคัญการที่นายชัยวุฒิ ออกมาไล่ตะเพิดนายสมคิด นั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรค พปชร.ดูแย่ลง เป็นการเล่นการเมืองแบบเก่าๆ แต่สุดท้ายนายกฯ บิ๊กตู่ ก็สามารถทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นมาได้ จากการออกมาปรามเมื่อเดินมาเจอกับนายชัยวุฒิ ในระหว่างประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ด้วยการบอกกับนายชัยวุฒิว่า ‘เบาๆ หน่อย อย่างไรก็อยู่ด้วยกัน’
ในเวลาต่อมา นายชัยวุฒิ ก็ได้ออกมาแจงสี่เบี้ยว่าไม่มีเจตนาจะไล่นายสมคิด แต่อยากจะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่าเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการยุบสภาฯ และก็อยากเตือนให้ทีมเศรษฐกิจปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องต่อประชาชน ซึ่งประเด็นนี้ได้ทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ว่าที่พูดไปแค่อยากให้ปรับทฤษฎีการทำงาน
“ยังไม่ได้พูดคุยกับนายสมคิด เป็นการส่วนตัว และไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมือง เพียงแต่หวังดีเท่านั้น ซึ่งนายกฯ ไม่อยากให้พูดจารุนแรงเพราะเราก็อยู่ด้วยกันและต้องทำงานด้วยกัน”
จากนี้ไปต้องจับตาดูว่า บรรดากลุ่มต่างๆ จะมีวาทะเด็ดอะไรออกมาเขย่าทีมสมคิดเพื่อให้กลุ่มตัวเองสมประโยชน์หรือไม่!