xs
xsm
sm
md
lg

ทัพบกแปรความสูญเสียเป็นโอกาสทองขอหมื่นล้านซื้อฮ.ใหม่ 30 ลำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบล็กฮอว์ก 1 ใน 2 ลำ ที่กองทัพบกส่งมาปฏิบัติภารกิจกู้ศพนายทหารจากฮิวอี้ตก
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผบ.ทบ.แปรความสูญเสียฮ.ตก 3 ลำ 17 ศพ เป็นโอกาสทอง เตรียมตั้งเรื่องของบประมาณซื้อฮ.ใหม่ทดแทน 30 ลำ มูลค่าหลายหมื่นล้าน สานฝันแผนจัดหายุทโธปกรณ์ที่กองทัพบกต้องการแบล็กฮอว์ก 2 ฝูง 32 ลำตั้งแต่สมัยพล.อ.สุรยุทธ์ ให้เป็นจริง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวกับเยาวชนในโอกาสที่เป็นประธานประกวดดนตรีสากลร่วมสมัยระดับมัธยมศึกษา โครงการบทเพลงรักแห่งแผ่นดิน เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 54 ที่กองทัพบก ตอนหนึ่งว่า …...ประเทศไทย ยังมีงบประมาณไม่พอที่จะพัฒนายุทโธปกรณ์ให้เท่าเทียมกับประเทศมหาอำนาจ ซึ่งก่อนหน้านี้กองทัพได้ของบประมาณจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ประมาณ 30 ลำ เพื่อนำมาปฏิบัติงานแทนเฮลิคอปเตอร์ ฮท.1 หรือฮิวอี้ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน อย่างไรก็ตาม จะเสนอโครงการไปยังรัฐบาลชุดใหม่ในการพิจารณางบประมาณปี 2555 ต่อไป

การออกมาแสดงถึงความต้องการเฮลิคอปเตอร์ตามแผนจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพบก จำนวน 30 ลำ ของพล.อ.ประยุทธ์ เกิดขึ้นหลังจากกองทัพบกเพิ่งผ่านการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จากเหตุการณ์ ฮ.ตก 3 ลำ สูญเสียนายทหาร 16 นาย และพลเรือนซึ่งเป็นช่างภาพ ช่อง 5 อีกหนึ่งราย ในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว

โดยช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค. 2554 เฮลิคอปเตอร์ รุ่นฮิวอี้ หรือ ฮท.1หมายเลข 782 สังกัดกองบินปีกหมุนที่ 2 กองกำลังสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี ประสบอุบัติเหตุตกบริเวณหุบเขาห้วยใหญ่ ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ขณะบินเข้าไปส่งเสบียงให้กับทหารชุดลาดตระเวน ฉก.ทัพพระยาเสือ ส่งผลให้นายทหารทั้ง 5 นาย เสียชีวิตทั้งหมด

ถัดมา วันที่ 19 ก.ค. 2554 เวลาประมาณ 11.30 น. เฮลิคอปเตอร์แบบยูเอช-60 แอล แบล็กฮอว์ก เลขข้างเครื่องบิน 01-26-9281 ของกองบินปีกหมุนที่ 9 (ผสม) ศูนย์การบินลพบุรี ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจ เพื่อกู้ศพของทหารทั้ง 5 นาย ตกซ้ำอีกครั้งโดยห่างจากจุดแรกประมาณ 500 เมตร

และลำสุดท้าย เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ตกซ้ำเป็นลำที่ 3 บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี วลาประมาณ 09.30 น. วันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค. 2554 ขณะปฏิบัติภารกิจโดยบินจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เพื่อไปรับภารกิจรับศพจากแก่งกระจานไป จ.กาญจนบุรี ทำให้นักบินบนเครื่องเสียชีวิตทันที 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย

ความสูญเสียดังกล่าว สร้างความเศร้าโศกสะเทือนใจแก่ญาติมิตรเพื่อนพ้อง เพื่อนร่วมชาติ และถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของกองทัพบกและศูนย์การบินทหารบก ต้นสังกัดโรงเรียนการบินทหารบก แหล่งผลิตนักบินกว่า 2,000 นาย รวม 55 รุ่น นับจากปี 2510 เป็นต้นมา

พล.อ.ประยุทธ์ พูดชัดเจนว่า ก่อนหน้านี้ กองทัพบกได้ของบประมาณจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ประมาณ 30 ลำ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งหากย้อนกลับไปดูข้อมูลก่อนหน้านี้ จะพบว่า กองทัพบก วางแผนจัดหาเครื่องแบล็กฮอว์กเต็มอัตรา 2 ฝูง 32 เครื่อง ภายในระยะ 10 ปี โดยทยอยส่งมอบตั้งแต่ปี 2545 - 2555 แต่คำนวณแล้วเป็นเงินงบประมาณผูกพันก้อนใหญ่ถึง 320 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 13,760 ล้านบาท (เมื่อปี 2545อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐฯ ประมาณ 43 บาท) ทำให้กองทัพบกต้องเปลี่ยนแผน ลดลงเหลือ 12 เครื่อง แต่สุดท้ายถูกตัดลงเหลือ 8 เครื่อง ตามอัตรา 1 หมวดในที่สุด (นิตยสาร สารคดี ฉบับเดือนมิ.ย. 2548) โดยราคาประมาณเครื่องละ 430 ล้านบาท ผลิตโดยบริษัท ซิคอร์สกี้ แอร์คราฟท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

จากนั้น เมื่อเดือนมี.ค. 2545 แบล็กฮอว์ก หรือ เฮลิคอปเตอร์ UH - 60 L BLACK HAWK ของบริษัท ซิคอร์สกี สหรัฐอเมริกา จำนวน 3 เครื่องแรกจากทั้งหมด 8 เครื่อง ที่อนุมัติซื้อในสมัยพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก็บรรจุเข้าประจำการกองบินปีกหมุนที่ 9 (ผสม) ศูนย์การบินทหารบก ถัดมา เมื่อเดือนเม.ย. 2548 แบล็กฮอว์กอีก 2 เครื่อง ก็เข้าสมทบ และในปีถัดมาเมื่อเดือน พ.ค. 2549 ก็เข้าประจำการครบถ้วน แต่ข้อมูลผ่านสื่อส่วนใหญ่รายงานว่า กองทัพบก มีแบล็กฮอว์ก อยู่เพียง7 ลำ

หลังจากนั้น เมื่อปี 2553 กองทัพบก ได้สั่งซื้อแบล็กฮอว์ก เพิ่มอีก 3 เครื่อง โดยเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 53 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอมา เพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไปยูเอช-60 แอล (แบล็กฮอร์ก) จากสหรัฐอเมริกา ระยะที่ 1 จำนวน 3 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,007,407,312 บาท

โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป ยูเอช-60 แอล (แบล็กฮอร์ก) ที่มีมาตั้งแต่ปี 2545 สืบเนื่องมาจากกองทัพบกต้องการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลางมาใช้สนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน รักษาความไม่สงบทางภาคใต้ รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติยามจำเป็น

ที่สำคัญ คือ ความต้องการนำเข้ามาประจำการทดแทน ฮิวอี้ ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์หลักของกองทัพบก ที่ใช้งานด้านยุทธวิธีมานานถึง 40 ปี (รวมเวลาที่สหรัฐฯ ใช้งานก่อนมอบให้) กองทัพบกสหรัฐฯ วางแผนปลดประจำการฮิวอี้ ในปี 2547 ซึ่งจะทำให้ฮิวอี้ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกต้องประสบปัญหาขาดแคลนอะไหล่ในอนาคต เว้นเสียแต่กองทัพต้องสำรองงบยกเครื่องใหม่โดยใส่เครื่องยนต์แบบที่ใช้กับคอบร้าแทน

เมื่อช่วงปี 2547 สมัยพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ได้รับข้อมูลว่า เฮลิคอปเตอร์ที่กองทัพบก มีอยู่ 200 กว่าเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฮิวอี้ มีแค่ 40% เท่านั้นที่ใช้งานได้ (ข่าวสด 15 มิ.ย. 2547) ขณะที่นายทหารระดับผู้บังคับหน่วยในกองพันให้ข้อมูลว่า “ฮิวอี้ ที่มีอยู่อาจเก็บไว้ใช้งานต่อได้ 40 - 50 เปอร์เซนต์ ในอีกราว 10 ปีข้างหน้าคงถึงเวลาต้องปลดระวางจริงๆ” (นิตยสาร สารคดี ฉบับเดือนมิ.ย. 2548)

จากข้อมูลข้างต้น นับเป็นเหตุผลสนับสนุนการขอจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ใหม่ จำนวน 30 ลำ ของกองทัพบกหลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมแก่งกระจาน เป็นอย่างดี ซึ่งเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้บอกว่า เฮลิคอปเตอร์ ที่กองทัพบกมีความต้องการนั้น ประกอบไปด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบใดบ้าง ฮิวอี้ คงไม่ใช่แล้วเพราะประเทศแม่ที่ใช้งานคือสหรัฐฯ วางแผนปลดประจำการแล้ว หากซื้อก็คงมีปัญหาอะไหล่และการซ่อมบำรุง ถ้าเช่นนั้น จะเพิ่มฝูงบินแบบไหน เบลล์ 212, คอบร้า, ซินุก หรือแบล็กฮอร์ก ซึ่งเป็นแบบเฮลิคอปเตอร์ที่มีประจำการของกองทัพบกอยู่ในขณะนี้

แม้จะซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบไหนก็ตาม หากคิดคำนวณราคาการจัดซื้อ เอาเฉพาะแบล็กฮอว์ก จะพบว่า มีราคาแตกต่างกันมาก โดยราคาจัดซื้อเมื่อปี 2545 สมัยพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผบ.ทบ.นั้น ราคาประมาณเครื่องละ 430 ล้านบาท แต่ราคาจัดซื้อสมัยพล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. เมื่อปี 2553 ราคาประมาณเครื่องละ 669 ล้านบาท หรือแตกต่างกันมากถึงเครื่องละ 239 ล้านบาท

การเสนอโครงการจัดซื้อฮ.ใหม่ 30 ลำ ของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงขั้วการเมืองเปลี่ยนอาจถูกมองว่าเป็นเพียงแต่ฝันลมๆ แล้งๆ ของ ผบ.ทบ.คนนี้ ที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้อีกสักกี่วัน แต่ถ้ามองว่าแผนการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งเรื่องไว้จะต้องใช้งบจัดซื้อหลายหมื่นล้าน ไม่ว่า ผบ.ทบ. จะชื่ออะไรก็ตาม ย่อมต้องยินดีที่จะผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จ เพราะเป็นที่รู้กันทั่วทั้งวงการค้ายุทโธปกรณ์ว่า คอมมิชชั่นจากการจัดซื้อนั้นช่างยั่วยวนใจนายทหารใหญ่ยิ่งนัก

ว่ากันว่า ถ้าเป็นยุทโธปกรณ์ที่ซื้อตรงจากสหรัฐฯ หรือโซนยุโรป คอมมิชชั่นติดปลายนวมจะตกประมาณ 10-15% แบ่งปันกันถ้วนทั่ว โดยถึงมือนายทหารใหญ่ประมาณ 5% หากฝันนี้เป็นจริงเม็ดเงินคอมมิชชั่นนับพันล้านก็พอทำให้นายทหารใหญ่อุ่นใจในวัยใกล้เกษียณทั้งนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น