ศูนย์ข่าวภูเก็ต – เอกชนภูเก็ต 24 องค์กร จับมือเรีกร้องรัฐบาลเดินหน้า โครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ตามแผนเดิมที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ศึกษาไว้ หวั่นหากรื้อแบบใหม่ตามแนวคิด “พิพัฒน์” อาจทำให้โครงการล่าช้าไปอีก 4-5 ปี
วันนี้ (4 พ.ย. 68) นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และนายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำตัวแทนองค์กรภาคเอกชนรวม 24 องค์กรในจังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยเฉพาะโครงการ อุโมงค์กะทู้- ป่าตอง ณ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภาคเอกชนภูเก็ตมีความห่วงใยและติดตามความคืบหน้าโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันการจ่ายค่าเวนคืนที่ดินให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดำเนินการแล้วกว่า 90%
จากการที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ทำ Workshop ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต และมีแนวคิดอยากให้ปรับรูปแบบโครงการ คือ จากเดิมเป็นโครงการดังกล่าว มีการกำหนดอัตราค่าผ่านทาง รถจักรยานยนต์ 15 บาท และรถยนต์ 40 บาท ทั้งนี้ท่านรัฐมนตรีคมนาคม มีแนวทางอยากให้เปิดให้บริการฟรี ดังนั้นมีแผนอาจปรับขนาดอุโมงค์จากเดิมกว้าง 17 เมตร เหลือ 10 เมตร นั้น
“ในประเด็นนี้ ในส่วนของภาคเอกชนมีความกังวลว่า หากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาจทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก 4–5 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองและความปลอดภัยของประชาชน” นายก้องศักดิ์ กล่าวและว่า
ภาคเอกชนและภาคประชาชนภูเก็ต ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินโครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตอง ต่อไปตามแผนเดิม และให้หามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายค่าทางด่วนได้ เช่น การอุดหนุนค่าผ่านทางบางส่วน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง แต่อุโมงค์ต้องเกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงถนนพระบารมี ซึ่งเป็นเส้นทางทางเลือกให้มีความปลอดภัยและลดความลาดชัน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางระหว่างกะทู้และป่าตองในระหว่างรอโครงการหลัก
ทั้งนี้ โครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองมีมติอนุมัติเมื่อปี 2564 แต่ไม่มีเอกชนร่วมลงทุน จึงมีการปรับให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการเอง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน กุมภาพันธ์ 2570
ด้าน นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่า ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องการให้โครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองดำเนินไปตามระยะเวลาและแผนเดิมของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ขณะที่ นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากโครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตอง เกิดขึ้นจริง จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ พร้อมระบุว่า หากมีการลดขนาดอุโมงค์ตามข้อเสนอใหม่ อาจทำให้ช่องทางของรถจักรยานยนต์หายไป ซึ่งจะไม่ตอบโจทย์การเดินทางของคนภูเก็ตอย่างแท้จริง
ภาคเอกชนภูเก็ตยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางอากาศ ควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” และการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกในอนาคต


