นครศรีธรรมราช - หนูน้อยเมืองคอนพลิกชีวิตป่วยโรคหายากตลอด 10 ปี หมอเฉพาะทางกว่า 6 คณะช่วยดูแลรักษาต่อเนื่อง จนสามารถหายจากความเจ็บป่วย เติบโตสู่การใช้ชีวิตปกติ สร้างความตื้นตันให้ครอบครัว
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน มีหนูน้อยคนนี้อยู่ในสภาพเจ็บปวดแสนสาหัสจากความผิดปกติแรกคลอด ผิวหนังแห้งแตกทั้งร่าง โรคนี้รู้จักในชื่อ “โรคดักแด้” เป็นโรคที่พบได้ยากมาก แต่ในปัจจุบันหนูน้อยรายนี้ หรือ ด.ช.พุทธิภัทร หรือน้องภัทร เชื้อเอียด อายุ 11 ปี ได้มีชีวิตใหม่ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 12 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กำลังศึกษาอยู่ในชั้น ป.5 โรงเรียนประถมใกล้บ้าน โดยมีนางอำภา เชื้อเอียด และนายประเสริฐ เชื้อเอียด ย่าและปู่เป็นผู้ดูแลประคบประหงมมาตลอด 11 ปี
นางอำภา เชื้อเอียด คุณย่าน้องภัทร เล่าว่า ตั้งแต่แรกคลอดจน 1 ขวบ เขาอยู่ในความทรมานจากความเจ็บปวดจากผิวหนังแห้งแตก หรือแทบไม่มีผิวหนังร้องไห้ตลอดเวลา ปู่ย่าพ่อแม่ต้องผลัดกันอุ้มปลอบประโลม ร้องไห้จนปากเบี้ยว และยังมีร่องรอยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ได้รับความช่วยเหลือจากคณะทำงานของนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในขณะนั้น ประสานงานเข้าพบคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประคับประคองรักษามาตลอด 10 ปีมานี้ จน น้องภัทร สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติ แต่ยังคงมีมือและเท้าที่ยังมีปัญหา เท้าต้องสวมถุงเท้าตลอดเวลา มือยังมีผิวแห้งแตกอยู่บ้าง
“เขาไปเรียน ป.5 แต่ด้วยสุขภาพเขายังช้าอยู่บ้าง มีสมาธิสั้นร่วมด้วย โดยรวมถือเป็นเด็กที่กลับมามีอารมณ์ดี มีความสุขกับชีวิต แม้ที่โรงเรียนจะมีเพื่อนๆ ตามประสาเด็กที่ล้อเขาเป็นเด็กดักแด้ เป็นเด็กผีเสื้อ แต่เขายังสู้ที่จะไปเรียนมีความสุขที่จะไปเรียนไปพบคุณครู ขณะที่น้องภัทร บอกว่ารักคุณหมอที่ช่วยรักษา รักคุณครู รักเพื่อนที่โรงเรียนแม้เพื่อนบางคนจะล้อเขาแต่ก็มีกำลังใจสู้ชีวิตมาก”
นายนนทิวรรธ์ นนทภักดิ์ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย (ในขณะนั้น) เปิดเผยว่าการประสานงานเพื่อเข้าสู่การรักษาในขณะนั้นได้ประสานกันหลายฝ่าย กรณีน้องภัทรเป็นโรคตั้งแต่ในครรภ์ด้วยลักษณะบางอย่างจากพันธุกรรม ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง คณะแพทย์จุฬาได้ยกเป็นกรณีศึกษา มีคณะแพทย์เฉพาะทางกว่า 6 คณะดูแลรักษามาตลอด จากที่ได้มีนัดต้องเดินทางไปพบแพทย์ทุก 2-4 เดือน ปัจจุบันเหลือเพียง 6 เดือนแล้ว และน้องภัทรมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ มาตลอด 10 ปี ต้องขอบคุณคณะแพทย์จากจุฬาทุกคณะ และกรณีนี้ยังเป็นข้อมูลทางวิชาการทางการแพทย์ในการดูแลรักษาหากพบโรคทำนองนี้ซึ่งพบได้ยากมากอีกด้วย