ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ -- เอ็มจีจุดประกายตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัว “ALL NEW MG3 HYBRID+” ยกระดับมาตรฐานไฮบริดยุคใหม่ในราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 559,900 บาท
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลหาดใหญ่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทเอ็มจีลักซูรี่ กรุ๊ป ผู้ผลิตผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ MG รายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จุดประกายตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวพร้อมกันทุกภูมิภาคเป็นครั้งแรกกับรถรุ่นล่าสุด “ALL NEW MG3 HYBRID+” ในราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 559,900 บาท เพื่อบุกตลาด B-Segment พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนให้วงการไฮบริด ในฐานะรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะสูงภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” ยนตรกรรมที่พลัสมาให้ครบ แรง ขับสนุก ประหยัดเหนือชั้น ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะอีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาครอบครองได้ง่าย พร้อมสัมผัสตัวจริงและทดลองขับได้ที่โชว์รูมเอ็มจีลักชูรี่ กรุ๊ป ทุกสาขา
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC MOTOR เพื่อพัฒนายนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบ HYBRID+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่ อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถือเป็น Global Model ที่พัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย
สำหรับในประเทศไทย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน ทั้งความประหยัด ความสนุก เร้าใจ เป็นการยกระดับระบบการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้มีการทำงานที่อิสระครอบคลุมโหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลาย มอบความคล่องตัวให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม City Car ที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน พร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีที่โดดเด่นในระดับราคาที่คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย
การเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเอ็มจี ในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไทยและระดับโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ความคุ้มค่า และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของเอ็มจี ในการก้าวสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
นายชู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจาก ALL NEW MG3 HYBRID+ จะเป็น The Best in Class ใน B-Segment ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ในหลายๆ ด้านแล้วนั้น ครั้งนี้ เอ็มจี ยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่แตกต่างจากการเปิดตัวรถยนต์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 4 ภาคทั่วไทย เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสมรรถนะของ ALL NEW MGB HYBRID+ รวมไปถึงการทดสอบขับจริงบนท้องถนนผ่านกิจกรรม “ขับทางไกล กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ด้วยน้ำมันถังเดียว” ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถเมื่อขับขี่บนถนนจริง สามารถวิ่งได้โกลถึง 800 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งถัง
ทั้งนี้ เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นและพิสูจน์คุณภาพของรถเอ็มจีในทุกการเดินทาง และยังเป็นครั้งแรกที่ เอ็มจี ได้ทำการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมกันในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ (Nationwide launch) โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นที่สยามสแควร์วัน นอกจากนี้ ในภูมิภาคต่างๆ ได้มีการจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในย่านสำคัญของแต่ละพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช และภาคใต้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ โดยในทุกสถานที่จะมีกิจกรรมพิเศษต่อเนื่องจากการเปิดตัว เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด โดย เอ็มจี พร้อมให้ผู้ที่สนใจสามารถจองและทดลองขับได้ที่งานเปิดตัว ALL NEWIMG3 HYBRID+ วันที่ 19-25 สิงหาคม 2567 และที่โชว์รูมเอ็มจีลักชูรี่ กรุ๊ป ใกล้บ้านท่าน
• ALL NEW MG3 HYBRID+ ยนตรกรรมไฮบริดรุ่นล่าสุดของ “เอ็มจี” สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทยผู้ใช้รถในราคาที่เข้าถึงได้
• ประหยัดกว่าและแรงกว่า ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน “26.2 กิโลเมตรต่อลิตร”
• ขับสนุกกว่า “ฉลาดกว่า” ปลอดภัยกว่า “เทคโนโลยีโฮบริดใหม่” ด้วยมาตรฐาน Global Model
• กว้างกว่า “พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้ถึง “293 ลิตร” และขยายได้สูงสุดถึง “1,037 ลิตร” พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัย