xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มสงขลาบุกเบิกธุรกิจส่งออกกุ้งก้ามกรามแบบมีชีวิต ตลาดต่างชาติตอบรับดีเยี่ยม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หนุ่มสงขลาบุกเบิกธุรกิจจัดหากุ้งก้ามกรามและส่งออกแบบมีชีวิตส่งถึงปลายทาง เปิดขายมา 2 ปีได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม มีลูกค้าหลักเป็นต่างประเทศทั้งมาเลเซียและจีน มีเท่าไหร่ก็ขายได้หมด

ที่ จ.สงขลา มีหนึ่งอาชีพที่น่าจับตามองสวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบันคือ ธุรกิจการรับซื้อและส่งออกกุ้งก้ามกรามแบบมีชีวิต ซึ่งเน้นลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดประเทศมาเลเซียและจีน โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายวิทวัส แสงวันลอย อายุ 39 ปี หรือคิว เจ้าของธุรกิจส่งออกกุ้งก้ามกรามมีชีวิต โดยมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.3 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนเองทำอาชีพเลี้ยงกุ้งขาว กุ้งกุลาดำมาตั้งแต่เดิม ตนจึงมีความผูกพันกับอาชีพเลี้ยงกุ้ง และพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องกุ้งต่างๆ อยู่บ้าง จึงพยายามมองหาช่องทาง และหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดกุ้งให้กว้างไกลออกไปจากที่เป็นอยู่

จึงได้ลองบุกเบิกธุรกิจจัดหากุ้งก้ามกราม และส่งออกแบบเป็นๆ ที่ยังมีชีวิต เนื่องจากสังเกตแล้วพบว่า ในพื้นที่โซน 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ ประกอบด้วย อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธ์ และ อ.ระโนด นั้นมีทรัพยากรทางทะเลที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และธุรกิจนี้ในพื้นที่เองยังไม่มีคนทำ ส่วนใหญ่แทบทั้งหมดเป็นการทำนากุ้ง หรือเลี้ยงกุ้งส่งพ่อค้าคนกลาง หรือส่งให้บริษัท หรือห้องเย็นต่างๆ เป็นหลัก


โดยได้ลองสร้างครือข่าย และหาพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ออกเรือทำประมง รวมทั้งพวกพ่อค้าคนกลาง กระทั่งมีมากพอ และเริ่มสั่งกุ้งก้ามกรามจากชาวประมงในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งจับมาจากธรรมชาติทั้งหมด และเริ่มทำตลาดในต่างประเทศ คือ มาเลเซียเป็นหลัก โดยทำมานานเกือบ 2 ปีแล้ว ปรากฏว่าได้ผลตอบรับดีเกินคาด มีเท่าไหร่ก็ขายได้หมดไม่มีเหลือ

นายวิทวัส แสงวันลอย กล่าวว่า ตนรับซื้อกุ้งก้ามกรามที่จับได้ตามธรรมชาติแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังสร้างงานสร้างอาชีพให้กลุ่มชาวประมงและพ่อค้ารายย่อยในพื้นที่ไปในตัวด้วย โดยมีหลายขนาดหลายไซส์ ทั้ง 15-20 ตัว/กก. 13 ตัว/กก. 6-9 ตัว/กก. และ 3-5 ตัว/กก. ส่วนราคาขายไซส์ใหญ่สุดกิโลละ 1,000 บาท ส่วนที่เหลือลดหลั่นกันไปคือ 800 550 และ 500 บาทต่อ กก. และหากส่งออกราคาขายจะสามารถเพิ่มสูงขึ้นไปอีกตามความต้องการของลูกค้าและปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในขณะนั้น

โดยในระยะเวลา 1 ปี สามารถจับกุ้งก้ามกรามตามธรรมชาติได้เกือบตลอดทั้งปี แต่ยกเว้นช่วง 2-3 เดือนปลายปี โดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. เนื่องจากเป็นช่วงฤดูวางไข่ และผสมพันธุ์ ต้องหยุดจับกุ้ง และสัตว์น้ำ เพื่อให้มีโอกาสได้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ และไม่ผิดต่อกฎหมายของกรมประมง


ขณะที่ในช่วงเวลาปกติจะสามารถออกจับกุ้งได้เรื่อยๆ โดยมากสุดราวช่วงกลางปี ซึ่งสามารถรับซื้อกุ้งก้ามกรามได้ราวสัปดาห์ละ 1 ตัน หรืออาจจะมากกว่านั้น และเมื่อได้กุ้งมาแล้วจะนำไปพักในบ่อน้ำจืดอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้กุ้งได้ปรับสภาพจากที่อยู่ในทะเลสาบสงขลาที่เป็นน้ำกร่อย เพื่อรอการขนส่งที่จะใช้ระบบน้ำจืดทั้งหมด และติดตั้งออกซิเจนเพื่อให้ส่งถึงปลายทางแบบที่กุ้งยังมีชีวิตอยู่

โดยในประเทศส่งเพียงแค่กรุงเทพฯ เท่านั้น และส่วนที่เหลือแทบทั้งหมดจะมีลูกค้าต่างประเทศคือ มาเลเซียเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งไปส่งเองที่ด่านพรมแดนสะเดา หรือมีลูกค้ามารับถึงที่ ส่วนลูกค้าจากจีนมีติดต่อเข้ามาหลายรายแล้วเช่นกัน และส่วนใหญ่จะสั่งเข้ามาครั้งละหลายร้อยกิโลกรัม ซึ่งจัดหาให้ค่อนข้างยาก


นายวิทวัส บอกว่า ตนมองว่าธุรกิจส่งออกกุ้งก้ามกรามยังคงมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากความต้องการและลูกค้ามีกำลังซื้อสูง โดยกุ้งกรามกรามตามธรรมชาติจะมีขนาดใหญ่กว่ากุ้งเลี้ยง และยังมีเนื้ออร่อย และมีความทนกว่ากุ้งเลี้ยงด้วย อัตราการตายไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จึงได้เปรียบเวลาต้องขนส่งทางไกล

แต่หากจะมีจุดสังเกตอาจจะเป็นในส่วนของจำนวนกุ้งที่จับได้ในแต่ละวัน ซึ่งไม่สามารถกำหนดจำนวนหรือปริมาณที่แน่นอนได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเป็นหลัก อีกทั้งหากเกิดกุ้งตายขึ้นมา แม้จะมีส่วนน้อยเท่านั้น ราคาจะลดลงเหลือแค่ครึ่งเดียว หากรับซื้อกลับจะขาดทุนไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน อีกทั้งตอนนี้ยังศึกษาเรื่องการส่งออกปลาบู่ไปจีนด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องกุ้งก้ามกราม หรือธุรกิจการส่งออกกุ้งกรามกรามแบบมีชีวิต สามารถพูดคุยสอบถามรายละเอียด หรือเดินทางไปดูบ่อพักกุ้งก้ามแบบถึงพื้นที่ได้ที่ ม.3 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา หลังที่ทำการ อบต.บ่อแดง หรือทางเพจ “ชาวเล ฟู้ส Chao Lay Foods” หรือโทร.08-6964-4498




กำลังโหลดความคิดเห็น