ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โฮม่ารุกตลาดอพาร์ตเมนต์แบบ co-living ส่ง “โฮม่า เชิงทะเล” รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยชาวต่างชาติทั้งรายวันและระยะยาว ย่านเชิงทะเล บางเทา ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและลงตัว 423 ห้อง เผยการตอบรับดีสุดๆ มั่นใจสิ้นปีนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยทะลุ 90%
นายลูก้า ดอตติ ผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการโฮม่า กล่าวว่า หลังจากการระบาดของโควิด-19 การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เชิงทะเล และบางเทา จ.ภูเก็ต มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางกลุ่มโฮม่าซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ามาลงทุนในภูเก็ต ด้วยโครงการโฮม่า ภูเก็ต ทาวน์ เปิดให้บริการสาขาแรกในปี 2562 และสร้างชุมชนขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 90% จากอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด 505 ห้อง จากความสำเร็จอย่างของโฮม่า ภูเก็ต ทาวน์ ทางโฮม่าจึงได้ขยายการลงทุนไปย่านเชิงทะเล ในโครงการโรงแรมโฮม่า สาขาเชิงทะเล โดยเปิดให้บริการเป็นสาขาที่ 2 ในภูเก็ต ด้วยเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา
โรงแรมโฮม่า สาขาเชิงทะเล ได้รับการจัดการอย่างมืออาชีพภายใต้ใบอนุญาตโรงแรม โดยมีห้องพักที่หลากหลายตั้งแต่ห้องสตูดิโอ อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน แฟลต 2 ห้องนอน ไปจนถึงห้องสวีท 3 ห้องนอน รวมทั้งหมด 423 ยูนิต ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับการทำอาหาร มุ่งสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้พักอาศัย นอกจากนี้ ยังมี “People” ร้านกาแฟและเครื่องดื่มบริเวณชั้นล่าง และ “Mingle” ร้านอาหารริมสระน้ำบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการพบปะสังสรรค์ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานและส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณภาพในชุมชนเชิงทะเล
นอกจากนี้ การเข้าพักที่โฮมาทั้งแบบรายวันหรือเช่ารายเดือน ผู้เข้าพักยังสามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักเข้าพักได้อีกด้วย โดยทางโฮม่าจะมีบริการในส่วนของที่นอนและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับน้องหมาและน้องแมว
โฮม่าตั้งอยู่ใจกลางเชิงทะเล ทำให้การเดินทางไปจุดสำคัญต่างๆ เช่น สนามบิน อนุสาวรีย์วีรสตรี หาดป่าตอง โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลในตัวเมืองภูเก็ตเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาก นำเสนอการใช้ชีวิตที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกประเภทได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับโบ๊ท อเวนิว ศูนย์การค้ากลางแจ้งที่รวมร้านค้า ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เกตที่มีอาหารนานาชาติให้เลือกสรร เพียงขับรถไม่กี่นาทีจะถึงบลูทรี สวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต รวมถึงใกล้หาดบางเทา ซึ่งเป็นหนึ่งในชายหาดที่ยาวที่สุดในภูเก็ต
โฮม่ายังมุ่งเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการอยู่อาศัยในราคาที่เข้าถึงได้ โดยค่าเช่าครอบคลุมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องออกกำลังกาย คลาสออกกำลังกาย พื้นที่ co-working space บริการทำความสะอาด และกิจกรรมพบปะรายสัปดาห์ ตั้งแต่การชมภาพยนตร์ยามค่ำคืน สโมสรฟุตบอล ไปจนถึงเวิร์กชอปพิเศษ และกิจกรรม
และให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยนำเสนอนวัตกรรมการออกแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานและน้ำ เช่น การนำร่องโปรแกรมรีไซเคิล การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบอนุรักษ์น้ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ทุกแง่มุมของอาคารโรงแรมถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มาตรฐานความยั่งยืนสูงสุด พร้อมทั้งได้รับการรับรองจาก LEED และ EDGE ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นในการส่งเสริมวิถีชีวิตที่เข้ากันได้กับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและยั่งยืน
นายลูก้า กล่าวเสริมว่า เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นในพื้นที่บางเทาและสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับจากการอยู่อาศัยในบริเวณนี้ สำหรับทั้งชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่แสวงหาวิถีชีวิตใหม่ๆ โมเดลการอยู่อาศัยแบบร่วมกันในชุมชนของเรานั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีลูกค้าเข้าพักในโครงการมากกว่า 40% ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนหลังจากเปิดตัวเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีลูกค้าเข้าพักทั้งแบบรายวัน เช่ารายเดือน และเช่าระยะยาวเป็นรายปี ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90% ของห้องพักที่เรามีอยู่ทั้งหมด 423 ห้อง จากที่โฮม่าเชิงทะเลตั้งอยู่ใจกลางย่านบางเทา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของคนต่างชาติที่ต้องการมาพักผ่อนและท่องเที่ยวในภูเก็ต รวมทั้งปลายปีเป็นช่วงไฮซีซันของภูเก็ตที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
โดยลูกค้าที่เข้าพักมีทั้งรายวัน และเช่ารายเดือน ที่เข้าพักแบบระยะยาวมีสูงถึงร้อยละ 60 เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนระยาว มาทำธุรกิจ ทำงานอยู่ในภูเก็ต และกลุ่มที่มาทดลองอยู่อาศัยในภูเก็ตก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านหรือวิลล่า ต้องการที่พักอาศัยเช่าระยะยาวแต่ได้รับความสะดวกสบายเหมือนพักในโรงแรม ซึ่งร้อยละ 40 เป็นกลุ่มชาวรัสเซีย ที่เหลือจะเป็นชาติอื่นๆ