ยะลา - หน่วยงานภาครัฐเร่งเข้าช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาใน อ.เมืองยะลา หลังถูกช่างต่อเติมบ้านทิ้งงาน ก่อนเชิดเงินมัดจำ 85,000 บาทหลบหนี
จากกรณีที่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 51/8 หมู่ 5 บ้านไบก์ ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับความเดือดร้อน ถูกช่างเชิดเงิน 85,000 บาท ก่อนทิ้งงานหนีหาย หลังจากได้จ้างมาต่อเติมบ้าน และทำห้องนวดเพื่อสุขภาพ หวังประกอบอาชีพสุจริตที่บ้าน ซึ่งเบื้องต้น ทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดยะลา ได้นำเรียนคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของกองทุนยุติธรรม
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 พ.ย.) นายกิตติสัณห์ ภัทรากรทวีวงศ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา มอบหมายให้ น.ส.กฤษณา วิทวัสกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดยะลา ได้เดินทางไปบ้านของ น.ส.สารอมีหย๊ะ และสามี ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้พิการทางสายตา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากช่างที่จ้างมาต่อเติมบ้าน และทำห้องนวด ทิ้งงานเชิดเงิน 85,000 บาท เพื่ออำนวยความสะดวก และให้คู่กรณีในการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พูดคุยและหาทางออกร่วมกัน ซึ่งหากตกลงกันได้ไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาล
ซึ่งเบื้องต้น ทาง นายมูฮำหมัดสุกรี บินอาแซ นิติกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้าส่วนไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ได้ติดต่อช่างคนดังกล่าวเพื่อเข้ามาสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยต่อไป ในขณะที่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือประจำจังหวัดยะลา ครั้งที่ 11/2566 ซึ่งจัดการประชุมขึ้นที่ห้องประชุมพิกุล ศาลากลางจังหวัดยะลา โดยมี พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธาน และอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิยะลา เป็นกรรมการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการนำเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน จำนวน 5 เรื่อง เพื่อให้ทางคณะอนุกรรมการร่วมกันพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยหนึ่งในนั้นเป็นกรณีของ น.ส.สารอมีหย๊ะ ยะโกะ ผู้พิการทางสายตา ซึ่งทางคณะอนุกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือ
พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรม ร่วมกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด อำเภอเมือง ตำรวจภูธร ลงไปดูที่บ้านของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ทราบว่าในส่วนของสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ได้มีการประชุมคณะกรรมการอนุกรรมการที่เกี่ยวกับเรื่องของการใช้เงินช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ในส่วนเคสนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมในการพิจารณาให้คณะอนุกรรมการพิจารณาด้วย ในเรื่องของความเดือดร้อนที่เขาได้รับ ในส่วนของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการช่วยเหลือดูแลต่อเนื่องที่เขาจะไปร้องผ่านสื่ออยู่แล้ว ในส่วนของตำรวจภูธรที่เกี่ยวข้อง คือหลังจากที่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนไปร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธร ทราบว่าขณะนี้ทางตำรวจได้ทราบผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ร้อง และมีการยืนยันจากตำรวจภูธรว่า สามารถที่จะออกหมายเรียก เพื่อให้ผู้ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชน มาพบพนักงานสอบสวนภายใน 1 สัปดาห์
ในส่วนของสำนักงานยุติธรรมจังหวัด จริงๆ มีกองทุนยุติธรรม ซึ่งบางครั้งในเรื่องของการสื่อการประชาสัมพันธ์อาจจะไม่ทั่วถึง พี่น้องประชาชนอาจจะไม่ทราบ กองทุนยุติธรรมสามารถที่จะดำเนินการได้ทุกเรื่อง การที่จะนำเคสนี้เข้าสู่คณะอนุกรรมการในการพิจารณาใช้เงินจากกองทุนยุติธรรม เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถใช้เงินจากกองทุนนี้ไปใช้ในการดำเนินคดีในทางกฎหมาย โดยคดีอาญาหรือคดีแพ่งก็ตาม เท่าที่ทราบในเบื้องต้นมีการนำเสนอจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าทนายประมาณ 2 หมื่นบาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกประมาณ 1 หมื่นบาท ถ้าคณะอนุกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบจะสามารถใช้เงินจากกองทุนยุติธรรมไปดำเนินการในทางกฎหมายได้ประมาณ 3 หมื่นบาท
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
๐ ผู้พิการร้องสื่อ! กู้เงินจ้างช่างต่อเติมบ้าน-ทำห้องนวด สุดช้ำถูกเชิดเงิน 8.5 หมื่น ทิ้งงานหนีหาย