ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศึกษาออกแบบแล้วเสร็จ โครงการทางพิเศษเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30 กม. ใช้เงินลงทุน เวนคืนที่ดิน 4.5 หมื่นล้าน กทพ.เตรียมเสนอ ครม.เห็นชอบ พร้อมทบทวนรูปแบบลงทุนอุโมงค์ป่าตองใหม่หลังเอกชนเมิน หวังสร้างเสร็จเปิดใช้ทันปี 71 รับ Specialised Expo 2028
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 3 (สรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครง) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ โดยมี นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นประธาน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนชาวภูเก็ตเข้าร่วม เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ณ โรงแรม รอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของโครงการ จากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว 2 ครั้ง และการประชุมกลุ่มย่อยตามพื้นที่ต่างๆ อีกหลายครั้ง ก่อนที่ กทพ.จะนำเสนอโครงการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
โครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เป็นโครงการก่อสร้างถนนคู่ขนานกับถนนสาย 402 (ถนนเทพกระษัตรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักของภูเก็ต) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนน 402 และสร้างทางเลือกในการเดินทางของประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยว โดยเมื่อปี 2559 ทางกรมทางหลวงได้ทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดไปแล้ว ทางกระทรวงคมนาคมจึงได้บูรณาการโครงการนี้เข้ากับโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง (อุโมงค์ป่าตอง) จึงได้มอบหมายให้ กทพ.เข้ามาดำเนินการ กทพ.จึงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาทบทวนผลการศึกษาที่ทางกรมทางหลวงได้ศึกษาไว้เมื่อปี 2559 เพื่อก่อสร้างถนนสายดังกล่าว ระยะทาง 30 กิโลเมตร
สำหรับผลการศึกษาของโครงการทางพิเศษเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ นั้น เป็นทางพิเศษแนวใหม่ โดยใช้แนวเส้นทางเมืองใหม่-เกาะแก้ว ตามที่กรมทางหลวงเคยศึกษาออกแบบไว้เมื่อปี 2559 มาดำเนินการออกแบบปรับปรุงเป็นทางพิเศษเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 30 กม. โดยจุดเริ่มต้นที่ทางหลวงหมายเลข 4026 (เมืองใหม่) และสิ้นสุดเชื่อมต่อกับโครงการพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง เป็นโครงการพิเศษมีการควบคุมการเข้าออกเต็มรูปแบบ (Full Control of Access) โดยการกั้นรั้ว และให้เข้าออกทางหลักของโครงการได้เฉพาะจุดที่กำหนด เป็นทางพิเศษ 4 ช่องทางจราจร ช่องละ 3.50 เมตร และมีทางบริการเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถใช้สัญจรได้
โดยมีจุดตัดทางหลวงและถนนสายหลัก 7 แห่ง ประกอบด้วย ทางแยกต่างระดับเมืองใหม่ เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4026 ทางแยกต่างระดับบ้านดอน เชื่อมต่อทางหลวง 4030 ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 1 เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4025 ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 2 เชื่อมต่อทางหลักและทางร่วมเป็น System Interchange ทางแยกต่างระดับบางคู เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4024 ทางขึ้นลงวิชิตสงคราม และทางเชื่อมต่อโครงการอุโมงค์ป่าตอง นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ให้บริการทางพิเศษพื้นที่ 43 ไร่ บริเวณ กม.3+800 และจุดพักรถ อยู่บริเวณ กม.16+300 ขนาดพื้นที่ 13 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ด่านเก็บค่าผ่านทาง 6 ด่าน ประกอบด้วย ด่านเมืองใหม่ ด่านบ้านดอน 1 ด่านบ้านดอน 2 ด่านม่าหนิก 1 ด่านบางคู และด่านม่าหนิก 2 โดยอัตราค่าผ่านทางแรกเข้า 40/80/120 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ/6-10 ล้อ และอัตราค่าผ่านทางต่อระยะทาง 1.50/3.00/4.50 บาทต่อ กม.
ผลการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน โครงการมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 45,300 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดิน 22,750 ล้านบาท และค่าก่อสร้างโครงการ 22,550 ล้านบาท และคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยในปีแรกของการเปิดใช้คาดว่าจะมีรถใช้บริการวันละ 31,600 คัน
โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการดังนี้ ศึกษาความเหมาะสม/ขออนุมัติ EIA และขอใช้พื้นที่ ปี 2565-2566 จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน ปี 2567-2569 งานก่อสร้างโครงการปี 2568-2570 และเปิดใช้ในปี 2571 ซึ่งทันรองรับการจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษในปี 2571 หากภูเก็ตได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานดังกล่าว
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในภูเก็ตต่อโครงการทางพิเศษเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป ก่อนที่จะจัดทำรายงานเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. ในส่วนของรูปแบบโครงการ รูปแบบการลงทุน แนวเส้นทาง และคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เพราะ กทพ.มีเป้าหมายว่า ทั้ง 2 โครงการที่ กทพ.รับผิดชอบในภูเก็ต คือ โครงการพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง และโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จะพยายามให้แล้วเสร็จในปี 2570 และเปิดใช้ในปี 2571 เพื่อให้ทันรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ที่จะมีการโหวตเลือกกันในเดือน มิ.ย.นี้
ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้นจะต้องศึกษาต่อและคาดว่าจะชัดเจนภายในเดือน ต.ค.นี้ หลักๆแล้วการลงทุนนั้นต้องการให้เป็นภาระของงบประมาณภาครัฐน้อยที่สุด ดังนั้นจะต้องการจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งแนวทางการร่วมลงทุนกับเอกชนจะเป็นการประหยัดงบประมาณของภาครัฐมากที่สุด
นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง ว่า ภายหลังจากที่ กทพ.ได้เปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลโครงการ ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดสนใจยื่นซองโครงการ เนื่องจากเอกชนมองว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จากค่าก่อสร้างในโครงการที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะการศึกษาโครงการนี้ใช้เงินลงทุนก่อสร้างและค่าเวนคืนที่ดินอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้ขยับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 15,000 บาท ทาง กทพ.กำลังทบทวนรายละเอียดการลงทุนว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดได้บ้างที่จะทำให้เอกชนสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการนี้ เช่น ขยายเวลาการให้สัมปทาน หรือรัฐจะต้องลงทุนในส่วนที่เพิ่มขึ้น หรือเปิดให้เอกชนลงทุนร่วมกับโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เป็นต้น เพื่อให้โครงการเกิดขึ้นและทันเปิดใช้ในปี 2571 ไม่ว่าภูเก็ตจะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 หรือไม่ก็ตาม ทั้ง 2 โครงการนี้ต้องเดินหน้าต่อไป