xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.สำนักพระพุทธฯ ยันเบื้องต้นพระรักษาอัมพฤกษ์ทำคนไข้เป็นแผลพุพองไม่เข้าข่ายปาราชิก คณะสงฆ์จ่อนิมนต์พระพูดคุย-ตักเตือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พัทลุง - ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง ยืนยันเบื้องต้นพระรักษาอัมพฤกษ์จนคนไข้เป็นแผลพุพองไม่เข้าข่ายหรืออยู่ในกรอบของปาราชิก วันนี้คณะสงฆ์เตรียมนิมนต์พระรูปดังกล่าวมาพูดคุย และว่ากล่าวตักเตือน

จากกรณีที่พระภูมิพัด (หลวงโม่ง) พระสำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย หมู่ 6 ต.ร่มเมือง อ.เมือง จ.พัทลุง ทำการรักษา นางวิไลวรรณ ฉิมผุด อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205 หมู่ 5 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นโรคอัมพฤกษ์จนเป็นแผลผุพองเกือบทั้งตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มี.ค.66 ณ สำนักสงฆ์ดังกล่าว และถูกญาติๆ นำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ในวันที่ 21 มี.ค.66 จนเป็นข่าวดัง และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วานนี้ (28 มี.ค.) นางสมศรี ทองยอดอินทร์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 6 ต.เขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพี่สาวของนางวิไลวรรณ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง และข้อหาที่ตรวจพบต่อ ร.ต.อ.ศุภชัย หมื่นอักษร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (29 มี.ค.) นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เข้าข่าย หรือในกรอบของปาราชิก ในวันนี้ทางคณะสงฆ์จะได้นิมนต์พระรูปดังกล่าวมาพูดคุยกันเพื่อว่ากล่าวตักเตือน แต่ยังไม่สามารถระบุวัน เวลา และสถานที่ในการพูดคุยได้ เรื่องดังกล่าวจะต้องให้คณะสงฆ์เป็นหลักในการพูดคุย ว่ากล่าวตักเตือนกับพระรูปดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของวินัยของคณะสงฆ์ ซึ่งประกอบด้วย เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอเมืองพัทลุง และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ พบว่าการจัดตั้งสำนักสงฆ์ยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งในเบื้องต้น ต้องดูว่าพระรูปดังกล่าวได้ขออนุญาตเจ้าคณะปกครองในพื้นที่แล้วหรือยัง

ในส่วนของการเข้าแจ้งความของพี่สาวผู้เสียหายนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจว่าญาติเข้าแจ้งความในฐานความผิดอะไร ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ากันไปตามระเบียบของคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการ เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องแยกกันให้ออกว่าเป็นเรื่องอะไร หากเรื่องวินัยก็เป็นเรื่องของระเบียบวินัยของคณะสงฆ์ และการสอดส่องดูแลของพระสังฆาธิการ การว่ากล่าวตักเตือนตามลักษณะของการกระทำจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องดูที่กรอบ และองค์ประกอบต่างๆ ส่วนการแจ้งความของผู้เดือดร้อน หรือผู้ที่ได้รับความเสียหายก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของตำรวจ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องจะต้องแยกออกจากกัน จะนำมารวมกันไม่ได้

อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
สสจ.พัทลุงเตือนอย่าหลงเชื่อพระรักษาผู้ป่วย ระบุรักษาเถื่อนยังไม่ขออนุญาต ล่าสุด ผอ.สำนักพุทธฯ ลงตรวจสอบแล้ว
คืบหน้า! พระรักษาคนป่วยอัมพฤกษ์จนเป็นแผล พี่สาวรุดแจ้งความตำรวจแล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น