พัทลุง - สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ออกเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อพระรักษาผู้ป่วย ที่สำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ระบุเป็นการรักษาเถื่อน ยังไม่ได้ขออนุญาต ล่าสุด ผอ.สำนักพุทธฯ ลงตรวจสอบแล้วยังไม่พบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า นางสมศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน ต.เขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากที่น้องสาวคือ นางวิไลวรรณ ฉิมผุด อายุ 53 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แล้วหลงเชื่อว่ามีหมอที่เป็นพระรักษาหายมาแล้วหลายราย ทำให้น้องสาวพร้อมสามีมีความหวัง หลังจากป่วยมาเป็นปี เดินไม่สะดวก จึงได้เดินทางไปหาพระภิกษุ เพื่อทำการรักษาตามที่ชาวบ้านร่ำลือกับพระภูมิพัด ที่สำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย ท้องที่ ต.ท่าแค่ อ.เมืองพัทลุง หลังจากที่พระภูมิพัด ได้ใช้โรงเรียนเก่าเปิดเป็นสำนักสงฆ์รักษาชาวบ้านมากว่า 5 เดือน
เมื่อไปถึงได้เข้าทำการรักษา โดยการใช้ค้อนตอกตามลำตัวตามจุดต่างๆ ของร่างกาย แผ่นหลัง ต้นขา หน้าขา ก่อนที่จะนอนย่างไฟที่ร้อนระอุเหมือนกับย่างสด ซึ่งทางพระบอกว่าจะทำให้คลายเส้น และเส้นที่ตายจะฟื้นขึ้นมา โดยนอนบนแคร่สูง 60 เซนติเมตร ก่อนจะมีการปูสังกะสีแล้วเอาถ่านไฟก่อให้ร้อน ใช้สมุนไพรปูบนแคร่ทับ ซึ่งนอนอยู่บนแคร่ ทำตามกรรมวิธีรักษาของพระภิกษุคนดังกล่าวนานกว่า 30 นาที พอลุกขึ้นมาพบว่าที่เท้ามีแผลพุพอง ก่อนกลับไปถึงบ้านแล้วนอนพัก พบว่าทำแผ่นหลัง ก้น ขามีแผลพุพองที่เกิดจากการนอนย่างไฟเต็ม บางจุดเป็นแผลลึก นอนพักอยู่บ้าน 2 วัน แผลเริ่มเน่า จึงได้เดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือมาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่อาการยังไม่ดีขึ้น เนื้อผิวหนังแผลยังลามต่อเนื่อง
ขณะที่สามีของ นางวิไลวรรณ พยายามติดต่อไปทางพระที่รักษามาโดยตลอด แต่ทางพระก็ปฏิเสธ ไม่รับโทรศัพท์ จนล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ลูกศิษย์ของพระดังกล่าวได้ติดต่อกลับมา แล้วบอกว่าให้สามีมาเอาน้ำมันไปทาแล้วจะหาย แต่สามีไม่ยอมไปเนื่องจากไม่เชื่อแล้ว ขณะเดียวกัน ยังพบชาวบ้านที่รับการรักษาในลักษณะเดียวกัน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่กล้าบอกหมอว่ารักษากับพระคนดังกล่าวอีก 2-3 ราย
นางสมศรี พี่สาวของนางวิไลวรรณ เผยว่า น้องสาวมีฐานะทางครอบครัวค่อนข้างลำบาก วันหนึ่งมีรายได้ 100-200 บาท จากการรับจ้างของสามี ต้องแบ่งมาซื้อแพมเพอร์สใส่วันละ 1 ห่อ ทำให้ยิ่งได้รับความเดือดร้อนเข้าไปอีก จึงอยากวอนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เข้าตรวจสอบพระรูปดังกล่าวว่ามีการรักษาถูกต้องหรือไม่ และเปิดรักษาตามหลักสาธารณสุขไหม และพระรักษาชาวบ้านที่เป็นผู้หญิง โดยการสัมผัสตัว นวด ตอก ลูบๆ คลำๆ ได้ด้วยหรือไม่
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่สำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง พบว่า ตรงศาลาได้มีการเปิดทำการรักษา โดยมีพระรูปดังกล่าวอายุ 60 กว่าปี พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกมือ ช่วยในการรักษา และพบว่ามีชาวบ้านเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว โดยทางทีมผู้สื่อข่าวได้แฝงตัวไปเพื่อดูการรักษาของพระ พบว่าพระนุ่งสบง แล้วทำการนวดตัวผู้หญิง กดมือในจุดเส้นบนร่างกายของผู้หญิง พร้อมทั้งนวดคลำตามภาพที่เห็น โดยมีการปิดป้ายระบุห้ามถ่ายคลิปจะผิด พ.ร.บ.คอมพ์
จากการสอบถามชาวบ้านบอกว่า พระรูปดังกล่าวได้มาพักที่โรงเรียนร้าง และเปิดเป็นสำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย พร้อมทั้งเปิดทำการรักษาโรคทั่วไป โดยบอกว่าได้วิชาตอกเส้น และนวดน้ำมันมาจากพระทางภาคอีสาน และเปิดรักษามาแล้ว 5 เดือน ซึ่งผู้รักษาที่หลงเชื่อเดินทางมารักษาวันละหลายราย บางรายหาย บางรายก็อาการหนักขึ้น เมื่อรักษาเสร็จจะมีค่ารักษาแล้วแต่ตามศรัทธา แต่ที่ทำให้ญาติผู้ป่วยคาใจคือ พระรักษาแบบนี้ได้ด้วยหรือ
ล่าสุด วันนี้ (28 มี.ค.) ทางพี่สาวของนางวิไลวรรณ ผู้ป่วยได้เข้าร้องเรียนต่อ นายสุนทร คงทองสังข์ รักษาการสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสอบถึงการเปิดสำนักสงฆ์ทำการรักษาผู้ป่วย จนชาวบ้านหลายรายหลงเชื่อ แต่การรักษาไม่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ป่วยอยู่แล้วยิ่งมีอาการหนักขึ้นไปอีก
โดยนายสุนทร คงทองสังข์ รักษาการสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ได้เรียกเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนิติกรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแพทย์แผนปัจจุบัน โดยจากการตรวจสอบฐานข้อมูลพบว่า พระรูปดังกล่าวไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อการรักษาผู้ป่วยแต่อย่างใด ซึ่งการรักษาดังกล่าวผิด พ.ร.บ.สาธารณสุข ตาม ป.วิอาญา โดยหลังจากนี้จะเข้าทำการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะเอาผิดตามกฎหมายต่อไป และอยากแจ้งเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อ หากมีอาการเจ็บป่วยให้เข้าทำการรักษาตามสถานพยาบาลของรัฐ
“ส่วนกรณีที่พระภิกษุรักษาแบบนี้มันไม่เหมาะสมอยู่แล้ว มันผิด พ.ร.บ.สงฆ์ โดยทางสำนักพระพุทธศาสนาเป็นผู้ดูแล และจะเข้าตรวจสอบต่อไป”
สำหรับพระรูปดังกล่าว พบว่าก่อนหน้านี้ได้บวชอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านทุ่งนา ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง และใช้พฤติกรรมรักษาผู้หญิง ชาวบ้านได้แจ้งเตือนให้หยุด แต่ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งชาวบ้าน และกรรมการสำนักสงฆ์ได้ไล่ออกจากวัด ก่อนจะมาพบว่าเปิดโรงเรียนร้างเป็นสำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย และรักษาผู้ป่วยอีกครั้ง
และล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุดคุ้มครองผู้บริโภค ได้ลงพื้นที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวแล้ว แต่ไม่พบพระรูปดังกล่าวแต่อย่างใด โดยทราบจากลูกศิษย์วัดว่าติดกิจนิมนต์ไปรักษาญาติโยมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช
โดยนายสมบูรณ์ บุญวิสุทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพร้อมด้วยผู้สื่อข่าวก็ต่อว่านักข่าวในทำนองว่า “เรื่องดีมีตั้งเยอะไม่ทำ มาทำเรื่องไร้สาระ และทำให้พระเสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาต” ขณะที่คณะสงฆ์ที่มาบอกว่า “ข่าวที่นำไปลงนั้นมันทำให้คณะสงฆ์เสียหาย นักข่าวมีเจตนาอะไร”
ด้านนายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผอ.สำนักพุทธศาสนา กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบการขอใช้โรงเรียนเปิดเป็นสำนักสงฆ์นั้น ยังไม่มีใครดำเนินการ ซึ่งยังผิดอยู่ และการรักษาผู้หญิงนั้นมันไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะกระทำ มันไม่เหมาะสม ซึ่งการลงโทษถึงขั้นไหนนั้นต้องรอเจ้าคณะสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการเองว่าปราชิกหรือไม่ หรือแค่อาบัติ
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า ผลจากการตรวจการขอขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านนั้น ยังไม่ได้รับการขอขึ้นทะเบียน ซึ่งยังผิด พ.ร.บ.กระทรวงสาธารณสุข แต่มาวันนี้ไม่เจอพระรูปดังกล่าว จึงไม่สามารถสอบสวนอะไรได้มากนัก ต้องรอให้เจ้าตัวกลับมาแล้วสอบสวนจากปากอีกครั้ง
ด้านนายสมบูรณ์ บุญวิสุทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง ลูกศิษย์พระรูปดังกล่าว ได้กล่าวหลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่า การรักษาทุกอย่างมันผิดขั้นตอน โดยได้โทรศัพท์ไปหาพระรูปดังกล่าว บอกว่าให้กลับมา อย่าไปสนใจอะไร เมื่อกลับมาแล้วดำเนินการขอขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และหลังจากนี้จะไม่ให้พระรูปดังกล่าวรักษาผู้หญิง ถ้าจะรักษาขอให้ผ่านลูกศิษย์ พร้อมรับว่าเมื่อทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ จะตามไปดูว่าแผลพุพองเกิดจากการรักษาของพระตามที่มีการนำเสนอข่าวไปหรือไม่