xs
xsm
sm
md
lg

กระเป๋าใหม่ลวดลายฟอสซิลเสริมแต่งด้วยกะลามะพร้าว ในชื่อแบรนด์ “กะลาบารา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สตูล - กระเป๋าลวดลายใหม่รูปแบบฟอสซิลและสาหร่าย เสริมแต่งด้วยกะลามะพร้าว ตอบโจทย์ตลาดคนรุ่นใหม่ ขยายกลุ่มสินค้าแฟชั่น มาพร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากกะลา จากวิสาหกิจชุมชนหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา ภายใต้ชื่อแบรนด์ “กะลาบารา”

วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่วิสาหกิจสชุมชนหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล กรมการค้าภายใน นำกระเป๋าซึ่งออกแบบจากลวดลายโดยนำรูปแบบของฟอสซิลและสาหร่าย มาเพนต์บนผ้าตัดต่อเย็บเป็นกระเป๋า และนำกะลามาตัดเป็นรูปฟอสซิลดึกดำบรรพ์ 4 ชนิด ที่พบในพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล นำมาปักตกแต่งบนกระเป๋าผ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่ม โชว์ภายในพิธีเปิด “หมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งใหม่” ภายใต้โครงการหมู่บ้านทำมาค้าขาย “วิสาหกิจชุมชนหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา” เพื่อมุ่งพัฒนาท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็ง ให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตอย่างยั่งยืน


โดยมี พ.จ.อ.ธวัช ช่วยเกตุ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง (ปลัดอาวุโส) ที่ทำการปกครองอำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี นายรัฐการ ลักเลีย นายก อบต.ปากน้ำ และส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วมในพิธีเปิด พร้อมชมนิทรรศการผลงานจากกะลามะพร้าวไร้ค่า สู่ผลิตภัณฑ์อันเลอค่าสู่ตลาดกว้างสร้างรายได้

ภายในงานมีการจัดนิทรรศการแนะนำกลุ่ม กิจกรรมสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ของตกแต่งบ้านจากกะลามะพร้าว ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ความพิเศษของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “กะลาบารา” คือ การนำประโยชน์ใช้สอยเพื่อเป็นของตกแต่งบ้าน มาเป็นไอเดียหลักในการออกแบบ โดยยังคงเน้นวัตถุดิบหลัก คือ กะลา ที่มาจากแหล่งธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน


เริ่มต้นคือการเลือกคุณภาพของกะลา กะลาที่จะนำมาทำผลิตภัณฑ์ต้องไม่บางหรือหนาเกินไป ต้องเลือกกะลาที่พอดีกับความต้องการ แล้วนำไปตากแดดเป็นเวลา 2 วัน เพื่อให้น้ำมันที่อยู่ในกะลาแห้ง ไม่เช่นนั้นเวลาที่ขัดกะลาน้ำมันจะไหลออกมา หลังจากตากแดดจนแห้งแล้วก็มาสู่ขั้นตอนการขัด ที่ต้องใช้เครื่องขัดจนถึงจุดที่ใช้ได้ และนำไปขึ้นโครงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามที่ตั้งใจ โดยในแต่ละขั้นตอนการผลิตมีความละเอียดอยู่ในนั้น ซึ่งต้องใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอน

น.ส.จันทร์ดา กลัมพากร นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ รักษาการตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การพัฒนาและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในเล็งเห็นความสำคัญและศักยภาพของชุมชนแห่งนี้ จึงได้เข้ามาช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งใหม่ พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ฉีกแนวจากเดิม โดยมีการขยายกลุ่มสินค้าแฟชั่นเพิ่มขึ้นคือ กระเป๋าผ้า “GEO Park” เป็นคอลเลกชันใหม่ ที่อาจารย์ศักดิ์จิระ เวียงเก่า หรืออาจารย์ช้าง ดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากแบรนด์บายศรี เข้ามาให้ความรู้เรื่องการออกแบบ และสร้างแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ฉีกแนวใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา


อีกทั้งยังมีการขยายกลุ่มสินค้าแฟชั่นเพิ่มขึ้นคือ กระเป๋าผ้าในคอลเลกชัน “GEO Park" ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุทยานธรณีสตูล โดยนำรูปแบบของฟอสซิลและสาหร่าย มาเพนต์บนผ้าตัดต่อ เย็บเป็นกระเป๋า และนำกะลามาตัดเป็นรูปฟอสซิล 4 ชนิด ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสตูล นำมาปักตกแต่งบนกระเป๋าผ้า เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชอบสีสันพื้นผิวของธรรมชาติ เพื่อให้คนสามารถใช้งานได้ง่าย

ทั้งยังเพิ่มโอกาสทางการตลาดของแบรนด์กะลาบาราให้มากขึ้นอีกด้วย มีการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและยั่งยืน สามารถกำหนดอนาคตและทิศทางของแบรนด์ได้ตามความต้องการของเทรนด์และตลาด พัฒนาบรรจุภัณฑ์ และ TAG สินค้า ติดอาวุธทางปัญญาด้วยการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างแนวคิดและทักษะด้านการผลิตเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ อบรมด้านการตลาด ออฟไลน์และออนไลน์ จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน เพื่อเพิ่มทักษะด้านการผลิตและการตลาด ส่งเสริมด้านการจัดจำหน่าย การขยายตลาดออฟไลน์และออนไลน์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเข้ามาช่วยพัฒนาและดูแลในเรื่องการทำเนื้อหาประชาสัมพันธ์ในช่องทางการขายทั้งด้านออฟไลน์และออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook Page, Facebook Marketplace, LINE MyShop, Tiktok, WebApp, Songkhla Marketplace เป็นการเปิดช่องทางการขายใหม่ๆ ให้แก่วิสาหกิจชุมชน


ด้านนายจำรูณ ตาเหยบ ประธานวิสาหกิจชุมชนหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา กล่าวว่า แนวคิดที่ทำผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว เนื่องจากชุมชนติดชายฝั่งทะเล ในอดีตจะเห็นพันธุ์เต่าอยู่บนชายหาดปากบารา แต่เมื่อความเจริญเข้ามาทำให้เต่าเหล่านี้เริ่มหายไป จึงมีแนวคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มารู้จักวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมบ้านเรา จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ซึ่งกะลาเป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น มีจำนวนมาก จะอยู่ตามบ้านเรือนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เลยเอากะลามะพร้าวนี้มาแปรรูปเป็นสัตว์น้ำเพื่อบ่งบอกว่าในอดีตหมู่บ้านของเราอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์สัตว์เต่าตนุ และอยากให้คนหันมาบริโภคเรื่องวัสดุเหลือใช้แทนไม้ เพราะตอนนี้การทำลายป่าไม้เริ่มมากขึ้น อยากให้คนสนใจผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าวเพราะวัสดุตัวนี้สามารถทำเป็นเฟอร์นิเจอร์และของฝากได้อีกมากมาย

นายจำรูณ ตาเหยบ กล่าวอีกว่า จากการร่วมกับกรมการค้าภายใน นับเป็นความโชคดีที่เราสามารถพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เพราะทางกรมฯ เขาเน้นในเรื่องการพัฒนา และเปิดช่วงทางการตลาด ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถขายออกไปตลาดภายนอกชุมชน ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม ส่วนราคาผลิตภัณฑ์มีตั้งแต่หลักสิบบาทถึงหลักหมื่นบาท หลักสิบเป็นของที่ระลึก หลังพันก็เป็นสิ่งของเครื่องใช้ ส่วนหลักหมื่นของเป็นงานชิ้นใหญ่ๆ ต้นมะพร้าวเป็นต้นไม้ที่มหัศจรรย์กินได้ตั้งแต่น้ำ เนื้อ เศษก็ยังมีคุณค่า เปรียบเสมือนเรามีทองคำในพื้นที่เราแค่เลือกนำมาใช้เพราะมันมีเยอะ








กำลังโหลดความคิดเห็น