ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทุนไทย-จีนมั่นใจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตกลับมาแน่นอนหลังโควิดคลี่คลาย ท่องเที่ยวฟื้นตัว ทุ่มงบหลายพันล้านเดินหน้าต่อโครงการ “Sea Heaven” บนเนื้อที่ 60 ไร่ หาดในทอน ทั้งคอนโดฯ หรู พูลวิลล่า ลักชัวรี แหล่งชอปปิ้ง เวลเนส มูลค่ากว่า 5 พันล้าน วางแผนพัฒนาทั้งโครงการภายใน 5 ปี
นายวีระวิทย์ มโนธรรมรักษา รองประธานบริษัท บีสตาร์ท เฮฟเว่น จำกัด พร้อมด้วย นายรังสรรค์ หวังไพฑูรย์ กรรมการบริหาร บริษัท บีสตาร์ท เฮฟเว่น จำกัด เปิดเผยถึงการเดินหน้าพัฒนาโครงการ “Sea Heaven” ภายในงาน EXCLUSIV Agent and Investor Night ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายในโครงการ Sea Heaven หาดในทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อประกาศถึงความพร้อมในการกลับมาพัฒนาโครงการ Sea Heaven Phuket Naithon อีกครั้ง หลังโครงการต้องหยุดชะงัก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด เมื่อ 2 ปีผ่านมา โดยมีเอเยนต์ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าร่วม ว่า
โครงการ Sea Heaven Phuket Naithon เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 60 ไร่ บริเวณหาดในทอน ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นโครงการที่เกิดจากการร่วมลงทุนระหว่างนักลงทุนชาวไทย ด้านอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลาง และเคยเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาก่อน กับนักลงทุนชาวจีนด้านอสังหาริมทรัพย์ทางตอนเหนือของประเทศจีน
โดยโครงการ Sea Heaven ได้เปิดตัวและเริ่มการลงทุนเมื่อปี 2563 ซึ่งในช่วงแรกของการเปิดตัวพบว่า ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถทำยอดขายได้ดีพอสมควร แต่หลังจากเปิดตัวไปได้ระยะหนึ่งก็เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โครงการได้รับผลกระทบทั้งในส่วนของการทำตลาดที่กลุ่มลูกค้าหลักในขณะนั้น คือ ตลาดจีน และรัสเซียหายไป และแผนงานการก่อสร้างต้องชะลอตามไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถเดินหน้าก่อสร้างตามแผนที่วางไว้ได้ จากมาตรการต่างๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด จนต้องหยุดพัฒนาโครงการไปเกือบ 2 ปี
มาวันนี้ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้คลี่คลายไปแล้ว และการท่องเที่ยวของภูเก็ตกำลังเริ่มที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง มีนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ต ทางบริษัทมั่นใจและเชื่อมั่นว่า หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ตจะกลับมาอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน จากที่กลุ่มลูกค้ามีความต้องการสูง ประกอบกับการท่องเที่ยวของภูเก็ตเริ่มกลับมาฟื้นตัว และทางบริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อ โดยการปรับแผนการใช้พื้นที่ให้เกิดความเหมาะสม เพราะทางโครงการมีพื้นที่กว่า 60 ไร่ และมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับการพัฒนาโครงการนั้นขณะนี้ได้ก่อสร้างไปแล้วในส่วนของเฟสแรก ที่เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 23 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ ขณะนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว 1 ตึก จำนวน 8 ห้อง ส่วนที่เหลือได้ขึ้นโครงสร้างไว้แล้วและพร้อมเดินหน้าพัฒนาต่อ ขณะที่เฟส 2 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม แบ่งออกเป็น 2 เฟส คือ เฟส 2.1 เป็นคอนโดมิเนียมหรู จำนวน 124 ยูนิต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ประมาณเดือนมีนาคม 2566 ที่จะถึงนี้ ส่วนเฟส 2.2 เป็นคอนโดมิเนียมหรูเช่นเดียวกัน มีจำนวน 127 ยูนิต จะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2566 และคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ประมาณต้นปี 2568 โดยทั้ง 3 เฟสนี้มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท
ผู้บริหารโครงการ Sea Heaven กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียม ว่า ก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทางโครงการได้ตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าไว้ที่ตลาดจีน และรัสเซีย แต่หลังจากเกิดโควิดพบว่ากลุ่มลูกค้าชาวจีนยังไม่สามารถกลับมาได้ ทำให้ขณะนี้กลุ่มลูกค้าหลักของโครงการกลายเป็นตลาดรัสเซีย และพบว่าตลาดรัสเซียกำลังกลับมาเที่ยวภูเก็ตแล้ว นอกจากนั้น ตลาดที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะเป็นตลาดที่ดีมากอีกตลาด คือ ตลาดคนไทย พบว่าขณะนี้ตลาดคนไทยจากส่วนกลางสนใจเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นจำนวนมาก
สำหรับยอดขายคอนโดมิเนียมเฟส 2.1 ขณะนี้สามารถขายไปได้แล้วประมาณ 60-70% ส่วนโครงการเฟส 2.2 กำลังอยู่ระหว่างการเปิดตัว โดยการเชิญเอเยนต์ทั้งในภูเก็ต และส่วนกลางมาร่วมงาน เพื่อเป็นการประกาศความพร้อมในการเดินหน้าพัฒนาโครงการให้กลุ่มลูกค้าได้รับรู้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุน ซึ่งตลาดกลุ่มนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก ในส่วนของโครงการนั้นจะรับดูแลห้องให้ลูกค้าในลักษณะของโรงแรม ซึ่งได้แบรนด์ WYNDHAM เข้ามาบริหาร โดยการันตีผลตอบรับให้ลูกค้าอยู่ที่ 7% ระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นเป็นไปตามข้อตกลงที่วางไว้ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อทุกคนจะต้องส่งมอบห้องให้ทางโครงการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปหลังจากดำเนินโครงการเฟส 2 ทางโครงการยังมีแผนในการพัฒนาที่ดินในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะพัฒนาในเฟสที่ 3 เป็นคอนโดมิเนียม Hylife สูง 8 ชั้น จำนวน 2 ตึก จำนวน 250 ยูนิต เป็นคอนโดฯ ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลหาดในทอน นอกจากนั้น ยังมีพูลวิลล่า ระดับลักชัวรีอีก 12 ยูนิต พัฒนาเป็นวิลล่าส่วนตัวที่สามารถมองเห็นวิวได้ทุกหลัง ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ตลาดวิลล่าระดับลักชัสรีที่กำลังมาแรงเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการซื้อพูลวิลล่าเพื่อการพักผ่อน ซึ่งคาดว่าในส่วนของเฟสแรกน่าจะเปิดตัวได้ประมาณต้นปี 2566 โดยกลุ่มลูกค้ายังเป็นชาวต่างชาติ
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เป็นศูนย์รวมของแหล่งชอบปิ้ง การแสดงโชว์ ศูนย์ดูแลสุขภาพ การรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับโรงพยาบาลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วม รวมทั้งอาคารอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งอยู่ตรงกลางของโครงการ ซึ่งจุดนี้ทางโครงการหวังให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาพักบริเวณหาดในทอน และใกล้เคียง รวมทั้งเป็นจุดหมายสุดท้ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นเครื่องเดินทางกลับประเทศ ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่พักบริเวณหาดในทอน เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
“การพัฒนาโครงการทั้งหมดบนพื้นที่ประมาณ 60 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ลักชัสรีพลูวิลล่า ศูนย์ชอปปิ้ง เวลเนส มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาทั้งหมด 5 ปี ถ้าสถานการณ์ปกติ ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้การพัฒนาหยุดชะงักการพัฒนาโครงการของทางบริษัทดำเนินการต่อไปแน่นอน” ผู้บริหารโครงการ Sea Heaven กล่าวและว่า
เพราะเรามั่นใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลกในการเดินทางมาท่องเที่ยว และการลงทุน