ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกิดอุบัติเหตุรถกระบะบรรทุกต้นไม้ประดับ เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าริมทางพังยับ บนถนนสายระโนด-สงขลา คนขับรอดตายปาฏิหาริย์ หลังรถกระบะบรรทุกรางน้ำอีกคันขับปาดหน้าตีวงกว้างระยะกระชั้นชิดทำให้เสียหลัก มีชาวบ้านอีกคนขี่รถ จยย.เกือบโดนลูกหลง
วันนี้ (11 เม.ย.) เกิดอุบัติเหตุรถชนบนถนนสาย 408 เส้นทางระโนด-สงขลา พื้นที่หมู่ 1 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ฝั่งขาเข้าเมืองสงขลา โดยเป็นรถกระบะบรรทุกต้นไม้ประดับ ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีขาว ทะเบียน บห 863 ราชบุรี สภาพหัวรถพังเสียหายยับเยิน และตัวรถพลิกตะแคงอยู่ข้างถนน ต้นไม้ประดับหลายชนิดที่บรรทุกมาด้วยเต็มคันรถได้ตกกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ส่วนคนขับปลอดภัยรอดมาได้แบบปาฏิหาริย์
ขณะที่รถคู่กรณีเป็นรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน ผจ 6528 สงขลา ซึ่งบรรทุกรางน้ำ เสียหายเล็กน้อยที่กันชนหน้าฝั่งขวา ส่วนคนขับปลอดภัย และยังมีรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านอีก 1 คัน ที่จอดล้มตะแคงอยู่ใกล้กัน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าแรงต่ำ 1 ต้น ถูกรถกระบะบรรทุกต้นไม้ชนขาดไป 1 เสา และทำให้ไฟฟ้าในพื้นที่ดับไปนานกว่า 3 ชั่วโมง
หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.ท.ธีระ สภาพันธ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.สทิงพระ ได้ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนตามมา เนื่องจากเป็นเส้นทางสายหลัก
จากการสอบสวน นายอรรถวุฒิ หลั่นซ้าย ชาว อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช คนขับรถกระบะบรรทุกต้นไม้ บอกว่า ในช่วงเกิดเหตุกำลังขับรถบรรทุกต้นไม้ประดับมาเต็มคันรถจาก จ.ปราจีนบุรี เพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่บริเวณเกาะยอ ใกล้กับสะพานติณสูลานนท์ ซึ่งใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางอยู่แล้ว แต่จู่ๆ มีรถกระบะบรรทุกรางน้ำคันนี้ขับออกมาจากซอยข้างทาง และตีวงกว้างมายังเลนขวาทันทีในระยะกระชั้นชิด และตนไม่สามารถเบรกได้ทัน จึงเสียหลักพุ่งไปชนกับเสาไฟฟ้าริมถนนจนขาด และรถพังยับเยิน แต่ยังโชคดีที่ตัวเองไม่บาดเจ็บมากนัก และรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ซึ่งตอนนั้นหากตนตัดสินใจหักหลบ รถอาจจะเสียหลักพุ่งไปยังฝั่งตรงข้าม และอาจจะเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่กำลังจอดรอจะยูเทิร์นอยู่ข้างถนน เกือบที่จะโดนลูกหลงไปด้วย แต่เคราะห์ดีที่คนขับทิ้งรถหลบออกไปได้ทัน
ทั้งนี้ ทางตำรวจจะทำการสอบสวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งฝากเตือนไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กำลังอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. เนื่องจากจะมีรถสัญจรในแต่ละเส้นทางเป็นจำนวนมากกว่าปกติ