xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อเก๋งชนสองแถวเทกระจาดตาย 1 สาหัส 12 จี้ตำรวจเร่งรัดคดี หลังผ่านกว่า 1 เดือนไม่คืบหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครศรีธรรมราช - เหยื่อเก๋งชนรถโดยสารสองแถวเทกระจาดเจ็บ 12 ตาย 1 สลดหนึ่งในเหยื่อต้องแท้งลูกขณะตั้งครรภ์แฝด 3 ร้องขอความเป็นธรรม อึ้งเจอตอเก๋งคู่กรณีเป็นผู้กว้างขวางยังไร้ความรับผิดชอบ ขอตำรวจเร่งคดีหลังผ่านมากว่า 1 เดือนไร้ความคืบหน้า

ผู้เสียหายในคดีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนรถโดยสารสองแถว ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนักถึง 12 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เหตุเกิดขึ้นผ่านมากว่า 1 เดือน แต่คดียังไม่ความคืบหน้า ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้ตำรวจเร่งรัดคดี

ล่าสุด วันนี้ (4 พ.ย.) น.ส.เกศรา โอฬาพฤกษ์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 21/1 หมู่ 3 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมเพื่อขอให้เร่งรัดคดี ซึ่งผู้ร้องเป็นพี่สาวของ น.ส.เกศรินทร์ โอฬาพฤกษ์ อายุ 36 ปี ซึ่งกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงจากอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนรถโดยสารสองแถวที่น้องสาวโดยสารจนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกรายคือ นางศิริกาญจน์ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 351/57 หมู่ 5 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในสภาพเข้าเฝือกทั้งร่าง

โดย 2 รายหลังเป็น 2 ใน 12 รายที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 หลังจากเกิดเหตุรถยนต์เก๋งสีดำ ทะเบียน กฉ 6848 พัทลุง พุ่งชนท้ายรถโดยสารสองแถวจนพลิกคว่ำ ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บหนักถึง 12 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 1 ราย แล้วได้ขับหลบหนี เหตุเกิดบนถนนสายลานสกา-ช้างกลาง ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช แม้ผ่านมาแล้ว 1 เดือน แต่ทั้งคู่ยังอยู่ในสภาพเจ็บหนัก ต้องกลับมารักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากโรงพยาบาลมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19


น.ส.เกศรินทร์ โอฬาพฤกษ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเปิดร้านขายดอกไม้ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช และได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ซี่โครงด้านขวาหักหมดทั้งแถบ ปอดทะลุ ภายในบอบช้ำอย่างรุนแรง แขนหัก ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยมีแม่และพี่สาวต้องดูแล ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานให้รวดเร็วกว่านี้ ไม่ควรล่าช้า ต่างคนต่างมีภาระ ผู้บาดเจ็บลำบาก ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำอะไรให้เลย ต้องรับฟังเหตุผลผู้บาดเจ็บ ขอเรียกร้องให้ช่วยทำคดีให้เร็วกว่านี้ นี่เดือนกว่าแล้วเกรงว่าจะหมดอายุความ

ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายซึ่งดูจะได้รับผลกระทบกับชีวิตอย่างหนัก คือ นางศิริกาญจน์ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 40 ปี ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บซี่โครงร้าว แขนหัก ต้องเข้าเฝือกลำตัว แต่ที่หนักหนาสาหัส คือ กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน เป็นครรภ์ที่มีลูกแฝดถึง 3 คนที่สร้างความดีใจให้ครอบครัวอย่างมาก แต่ต้องแท้งสูญเสียลูกทั้ง 3 คนไปจากแรงกระทบกระเทือนในครั้งนั้น ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรม ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดติดตามตัวผู้ขับรถมาดำเนินคดี และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทั้ง 12 ราย และผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่ต้องประสบชะตากรรมอย่างไม่คาดฝัน


นางศิริกาญจน์ วงศ์สวัสดิ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเพียงว่าการติดตามรถยนต์คู่กรณีนั้นพบเจ้าของแล้ว แต่กลับพบว่ารถคันนี้เป็นรถที่ถูกขายในวงการรถเถื่อน ทำนองว่าผู้ครอบครองเช่าซื้อตัวจริงนั้นได้นำรถไปขายเถื่อนหรือจำนำเถื่อน หลังจากนั้นรถได้เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าไปอยู่ในความครอบครองของใคร ทราบว่าทางบริษัทไฟแนนซ์ที่ให้เช่าซื้อได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้เช่าซื้อแล้ว ส่วนตำรวจได้ติดตามตัวผู้ครอบครองรถคนสุดท้ายได้มาพบเจ้าหน้าที่แล้ว และได้แจ้งว่าได้ขายรถไปแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ซื้อเป็นใครจำไม่ได้ ตำรวจได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ได้ทำอะไร

ส่วน น.ส.เกศรา โอฬาพฤกษ์ พี่สาวของ น.ส.เกศรินทร์ เปิดเผยว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ที่ต้องรับผิดชอบมาดำเนินการ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเช่นนี้ ไม่เดือดร้อนอะไรเลย ผู้บาดเจ็บมีตั้งเยอะ สงสารคนที่ต้องรับภาระเขาบ้าง พอไปถามไม่ได้อะไรกลับมา เพียงแค่บอกว่าต้องติดต่อประกันอย่างเดียว แล้วการติดต่อประกัน เราชาวบ้านธรรมดาเขาไม่อะไรให้หรอก นอกจากเจ้าหน้าที่ทำอะไรให้ ขนาดป้ายทะเบียนรถหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุยังทำอะไรไม่ได้ แล้วคนธรรมดาอย่างเราจะทำอะไรได้

น.ส.เกศรา ยังกล่าวภายหลังอีกว่า ได้คุยกับผู้ครอบครองรถคนสุดท้ายก่อนที่จะเกิดเหตุ เขาบอกว่าไม่กล้าบอกว่าคนที่นำรถไปคือใคร หากบอกไปตำรวจจะช่วยปกป้องชีวิตเขาได้หรือไม่ ดังนั้น เรื่องนี้จึงต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควรที่ทำให้ตำรวจไม่สามารถสาวไปถึงตัว แม้คนครอบครองรถคนสุดท้ายมาแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้








กำลังโหลดความคิดเห็น