ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รพ.กรุงเทพภูเก็ต ร่วมกับ เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด และ Myhealthgroup จำกัด จับมือเปิดตัวบริการ “CareConnect” ยกระดับการดูแลผู้ป่วย ผ่านระบบแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ แห่งแรกของประเทศไทย
วันนี้ (1 ธ.ค.) นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดตัวบริการ “CareConnect” ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรภาคเอกชนทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตหนึ่งในเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท Myhealthgroup จำกัด เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการดูแลผู้ป่วยเฉพาะบุคคลผ่านระบบสารสนเทศ (Internet of Medical Thing, IoMT) ณ ห้องประชุมคิง คาร์ล กุสตาฟ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โดยมีนายแพทย์ดุลย์ ดำรงศักดิ์ คณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพกลุ่ม 6 นำทีมคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัทโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จำกัด ให้การต้อนรับ
นายแพทย์ดุลย์ ดำรงศักดิ์ ประธานคณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพกลุ่ม 6 กล่าวว่า “ประเทศไทยมีแนวโน้มเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งเทคโนโลยีและการแพทย์มีส่วนทำให้ประชากรมีอายุยืนยาว โดยทางโรงพยาบาลเห็นความสำคัญและความปลอดภัยของผู้สูงอายุ อีกทั้งได้รับความร่วมมืออันดีจากบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท Myhealthgroup องค์กรภาคเอกชนที่มาร่วมมือยกระดับการดูแลผู้ป่วยให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น จึงก่อให้เกิดบริการ CareConnect ที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ร่วมกับการแพทย์ พัฒนาให้เกิดเป็นนวัตกรรมการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases) และกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ที่บ้าน และจะต่อยอดไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ต่อไปในอนาคต เพื่อใช้ในการติดตามข้อมูลและช่วยอำนวยความสะดวกให้คนไข้ อีกทั้งยังสามารถติดต่อและขอความช่วยเหลือกับบุคลากรทางการแพทย์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นมิติใหม่และก้าวสำคัญของวงการสาธารณสุข ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไปสู่สังคมสุขภาพดี ภายใต้การบริการที่มีชื่อว่า CareConnect”
นายแพทย์ดุลย์ กล่าวต่อไปว่า เราตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัย ดังนั้นเราจึงไม่หยุดที่จะพัฒนาการรักษา เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำทางการแพทย์ระดับตติยภูมิ และศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยในภาคใต้ที่พร้อมให้การดูแลประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งทีมแพทย์และบุคลากรทุกสาขาของโรงพยาบาลพร้อมให้การดูแลท่านและครอบครัวตลอด 24 ชั่วโมง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้รับประโยชน์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อเชื่อมชีวิตให้ใกล้กัน
ทางด้านนายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ ฮาวรังษี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และรักษาการรองประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 6 ได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของการบริการ CareConnect ว่า “ปัจจุบันภูเก็ตได้ก้าวไปอีกขั้นจากเมืองท่องเที่ยวไปสู่ Smart City โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตในฐานะผู้ให้บริการด้านสุขภาพจึงร่วมขานรับนโยบายของภาครัฐ นำนวัตกรรมใหม่มาใช้รองรับปัญหา เพื่อแก้ไขสภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ สร้างความปลอดภัยแก่ผู้เข้ารับบริการ โดยในปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการติดตามข้อมูลด้านสุขภาพเฉพาะบุคคลผ่านระบบสารสนเทศ (Internet of Medical Thing, IoMT) ที่จะสามารถใช้ในการติดตามข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยผ่านระบบแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์
เช่น ค่าน้ำตาลในเลือด ค่าความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น และยังมีระบบการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases) เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ กลุ่มผู้สูงอายุ และจะต่อยอดไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยทีมดูแลติดตามผู้รับบริการอย่างต่อเนื่อง (Care Team Manager) ประกอบด้วย แพทย์เฉพาะทาง พยาบาลวิชาชีพ เภสัชกร อันจะช่วยทำให้การดูแลสุขภาพผู้ป่วยมี ความแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
นายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า “โรงพยาบาลเชื่อมั่นในการพัฒนาเมืองให้ก้าวตามทันยุคดิจิทัลไปพร้อมกับการมีสุขภาพดี จึงได้นำเทคโนโลยีการดูแลผู้ป่วยเฉพาะบุคคลผ่านระบบสารสนเทศ (Internet of Medical Thing, IoMT) มาปรับใช้ให้เกิดเป็นบริการ “CareConnect” เชื่อมชีวิตให้ใกล้กัน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลและช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตลอดจนติดตามอาการได้อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่องในทุกสถานการณ์”
ทางด้านนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวแสดงความยินดีว่า ความสำคัญของการนำนวัตกรรมทางการแพทย์มาผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญของคณะแพทย์และสหสาขาวิชาชีพ นับเป็นมิติใหม่ของวงการสาธารณสุข ที่จะเชื่อมชีวิตให้ใกล้กันพร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมสุขภาพดีและยุคดิจิทัลไปอีกขั้น เราเชื่อว่าการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยยกระดับการวางแผนรักษาได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ประชาชนจะมีสุขภาพและร่างกายที่ต่างกัน แต่พื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรได้รับเหมือนกันคือความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะฉุกเฉิน