ตรัง - ประธานหอการค้ากลุ่มภาคใต้อันดามัน เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังซบเซาจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่การส่งออกถุงมือยางพบมีแนวโน้มสดใสจากโรคระบาด
ตามที่ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “ไทยเที่ยวไทย 3 แพกเกจ” ประกอบด้วย “เที่ยวปันสุข-เราไปเที่ยวกัน-กำลังใจ” วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วง 4 เดือนนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2563 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวถึงมติ ครม.ดังกล่าวว่า ถ้าดูเจตนาของรัฐบาลแล้วตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะไปตรงถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยว และส่วนงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งโรงแรม ห้องพัก ร้านอาหาร การเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน เพียงแต่ว่าอยากให้ผู้ประกอบการช่วยเหลือตัวเองด้วยการสร้างความเชื่อมั่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ด้วยการจัดแพกเกจที่สร้างแรงจูงใจ และถ้าเราสามารถทำให้การท่องเที่ยวกระจายไปยังชุมชน ไปยังวิถีชาวบ้านด้วยจะยิ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภาคส่วน
โดยทุกวันนี้การที่เราจะหวังนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และละเอียดอ่อนมาก แต่ในประเทศไทยเอง ซึ่งเราได้พิสูจน์แล้วว่าประมาณ 50 วัน ไม่มีการติดเชื้อในประเทศ ดังนั้น ถ้าเราท่องเที่ยวกันภายในประเทศเอง ก็จะช่วยให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจดีขึ้น ในส่วนของ จ.ตรัง และฝั่งอันดามัน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ช่วงคลีนซีซัน คือช่วงฤดูที่มีฝนตก และชุ่มชื้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ดังนั้น การมาเที่ยวช่วงนี้จึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับเราค่อยๆ ฟื้นการท่องเที่ยว เพราะถ้าเราไปเปิดการท่องเที่ยวในช่วงที่บูมแล้ว และนักท่องเที่ยวมากันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงที่หยุดยาวหลายวันที่ผ่านมา พนักงานบางคนอาจจะลาออกไปทำอาชีพอื่นแล้ว ก็เท่ากับว่าผู้ประกอบการจะได้ปรับตัวธุรกิจให้มีความพร้อมมากขึ้น
สำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวรอบนี้ของรัฐบาล จะทำให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวสัก 1 แสนคน เงินก็จะสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ที่สำคัญเม็ดเงินไม่ได้กระจุก แต่จะกระจาย และหมุนเวียนในระบบได้จำนวนมาก สำหรับ จ.ตรัง ได้เตรียมจัดงานใหญ่ในเดือนกรกฎาคมนี้ คือ งานยุทธจักรความอร่อย ขณะเดียวกัน ก็มีการเสริมเรื่องการสื่อสารการขาย และการขายท่องเที่ยวออนไลน์มากขึ้น ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ทันกับยุคสมัย จะทำให้คนเข้าถึงข้อมูล และแหล่งท่องเที่ยวได้มากขึ้น
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดอันดามัน กล่าวเสนอแนะไปถึงภาครัฐว่า อยากให้มีการกระตุ้นจัดให้มีการประชุมสัมมนาข้ามภาค หรือข้ามจังหวัดให้มากขึ้น เช่น ภาคเหนือมาจัดสัมมนาในภาคใต้ ภาคใต้ไปเหนือ หรือตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทั่วประเทศและทุกส่วน โดยอยากให้มีการจัดประชุมสัมมนาแบบนี้ต่อเนื่องไปถึงปลายปี ก่อนที่นักท่องเที่ยวชุดใหญ่จากต่างประเทศ หรือถ้าไทยมีโอกาสเปิดประเทศได้ ก็จะได้รองรับนักท่องเที่ยวชุดนั้นต่อ
แต่ในส่วนของธุรกิจภาคการส่งออกเท่าที่ทราบ ขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจไม้ยางพารา อาหารทะเล สำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็ง ส่วนที่เป็นดาวรุ่งของภาคใต้ในขณะนี้ คือ เรื่องถุงมือยาง เท่าที่พูดคุยกับผู้ประกอบการทราบว่า ขณะนี้ออเดอร์มีไปจนถึงกลางปีหน้า ผลิตไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตาม การจะสร้างโรงงานใหม่ต้องใช้เวลา ถ้ารัฐบาลจะสนับสนุนส่วนนี้ ก็คงต้องดูแลในเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ เพื่อที่จะสนองความต้องการของตรงนี้ให้มากขึ้น เพราะดูจากทิศทางแล้วในอนาคตความต้องการของการใช้ถุงมือยางมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าโควิด-19 ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของโรคระบาด อาจจะมีมากขึ้น พอถึงวันนั้นเป็นไปได้ทุกคนต้องใส่ถุงมือ ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าในวันนี้เราจำเป็นต้องสวมหน้ากาก ปรากฏว่าหน้ากากอนามัยเราผลิตไม่พอ แล้วหากวันหนึ่งทุกคนต้องใส่ถุงมือ รัฐบาลก็ต้องคิดว่าถุงมือที่ผลิตในประเทศเรามีเพียงพอหรือไม่ เราต้องมีแผนการรองรับตรงนี้ไว้