ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักลงทุนพัฒนาอสังหาฯ จากกรุงเทพฯ มั่นใจศักยภาพท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ซื้อที่ดินแถวลายัน ขึ้นโครงการพูลวิลล่าหรู AKRA COLLECTION LAYAN มูลค่าโครงการ 600-800 ล้านบาท เจาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและไทยซื้อเพื่อการลงทุน
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา โครงการ AKRA COLLECTION LAYAN ได้ทำพิธียกเสาเอกโครงการพูลวิลล่าหรู จำนวน 28 หลัง โดยมี นายกองโท อดุลย์ ชูทอง นายกอำเภอถลาง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายศิริ ยกทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล นายอัครเวช โชตินฤมล ประธานกรรมการบริหาร AKRA COLLECTION LAYAN น.ส.ศศินกานต์ รุ่งเรืองโรจน์ ผู้จัดการด้านการตลาด ที่ปรึกษา สถาปนิก และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม ณ โครงการ AKRA COLLECTION LAYAN ซอยลายัน 9 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี พันโทนนท์ จุลานนท์ เป็นที่ปรึกษาโครงการ
นายอัครเวช โชตินฤมล ประธานกรรมการบริหาร AKRA COLLECTION LAYAN กล่าวถึงการตัดสินใจมาลงทุนพัฒนาโครงการ AKRA COLLECTION LAYAN ที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินให้แก่ธุรกิจต่างๆ ทั้ง โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น จากประสบการณ์ดังกล่าวได้หันเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลงทุนให้เช่าสำนักงานที่กรุงเทพฯ เป็นโครงการแรก ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจมาก จากความสำเร็จธุรกิจดังกล่าว ทำให้รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบการทำธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงได้มองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ โดยมองว่าธุรกิจที่น่าสนใจในขณะนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวหลักที่รู้จักกันทั่วโลกอย่างภูเก็ต ซึ่งมั่นใจว่ายังสามารถทำตลาดได้ดี โดยเฉพาะการปล่อยเช่าที่คิดว่าสามารถทำราคาได้ดีกว่ากรุงเทพฯ เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในระดับโลก สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ปีละกว่า 4 แสนล้านบาท จึงได้ตัดสินใจมาหาซื้อที่ดินที่ภูเก็ต จนได้ที่ดินแปลงนี้มา ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีมากๆ เนื่องจากอยู่ในโซนลายัน ที่เป็นโซนการลงทุนอสังหาฯ โครงการใหญ่ๆสำหรับคนต่างชาติ เป็นโซนของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เงียบสงบ การเดินทางสะดวก ไม่ไกลจากสนามบิน และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และตัดสินใจลงทุนพัฒนาที่ดินแปลงนี้ในที่สุด
นายอัครเวช เผยต่อว่า ก่อนตัดสินใจตลงทุนได้มีการศึกษาวิจัยตลาด พบว่า ความต้องการด้านที่พักอาศัยของชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ตยังคงมีอยู่ จึงได้ตัดสินใจพัฒนาที่แปลงนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส คือ เฟสแรกใช้พื้นที่ 3 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแนวราบ ในลักษณะพูลวิลล่า 2 ชั้น ในคอนเซ็ปต์บูทีค จำนวน 28 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นที่ยูนิตละ 7.99 ล้านบาท สามารถมองเห็นวิวทะเลได้เกือบทั้งหมด โดยมีการจดทะเบียนขออนุญาตเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อการพาณิชย์ เพื่อการโรงแรม ขณะนี้มียอดจองไปแล้วกว่า 50% (14 ยูนิต) ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ และมีคนไทยบางส่วน ทั้งหมดซื้อเพื่อการลงทุน
นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมีคลับเฮาส์ ซึ่งจะมีการตกแต่งโดยเน้นความเป็นธรรมชาติ และจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ และสร้างความน่าสนใจตลอดเวลา ในส่วนของการก่อสร้างนั้นขณะนี้เริ่มลงมือก่อสร้างบ้านตัวอย่างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นจึงจะทยอยสร้างบ้านแต่ละหลังจนครบทั้ง 28 หลัง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณปีเศษ จะแล้วเสร็จประมาณปี 2564
ในส่วนของการบริหารหลังการขายนั้น นายอัครเวช กล่าวว่า หลังจากสร้างแล้วเสร็จ ทางบริษัทฯ เข้ามาบริหารให้ โดยจะขอเช่าห้องพักจากเจ้าของทั้งหมดเพื่อนำมาบริหารจัดการ โดยมอบผลตอบแทนให้แก่เจ้าของห้อง ช่วง 5 ปีแรกจะการันตีผลตอบแทนอยู่ที่ 7% หลังจากนั้น จะแบ่งรายได้คนละครึ่ง โดยทางผู้บริหารฯ จะรับผิดชอบในส่วนของค่าน้ำค่าไฟฟ้าและการซ่อมบำรุงต่างๆ ทั้งหมด ส่วนเจ้าของห้องรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของค่าพื้นที่ส่วนกลาง ค่าประกันภัย และภาษีโรงเรือน
ผู้บริหาร AKRA ยังกล่าวถึงการพัฒนาในเฟสที่ 2 ว่า จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ที่อยู่ด้านบนของเฟสแรก เนื้อที่กว่า 8 ไร่ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของโครงการที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ตามแผนที่วางไว้จะสร้างเป็นวิลล่าขนาดใหญ่ ประมาณ 10 ยูนิต ขายในราคายูนิตละประมาณ 30 ล้านบาท ส่วนบริเวณใดที่มองไม่เห็นวิวทะเลก็จะทำในลักษณะของฮันนีมูนฮัท หรือกระท่อมคู่รัก ที่ให้ความรู้สึกได้อิงแอบกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด มีประมาณ 40 ยูนิต โดยชั้นล่างของตัววิลล่าจะไม่ติดแอร์ จะเป็นสระว่ายน้ำ และมีบาร์ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอน ซึ่งจะติดแอร์ มีมูลค่าโครงการรวมทั้ง 2 เฟสประมาณ 600-800 ล้านบาท
