ศูนย์ข่าวภาคใต้ - กรีนพีซร่อนแถลงการณ์พบ “ขยะพลาสติก” ในกระเพาะ “วาฬหัวทุย” เสียชีวิตที่กระบี่ สะท้อนวิกฤตแห่งความสะดวกสบายที่กลับมาทำร้ายชีวิตมนุษย์ จี้รัฐเก็บค่าธรรมเนียมคนใช้ตั้งกองทุนฟื้นฟูทะเล ส่วนผู้ผลิตต้องยกเลิกพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งก่อนจะสายเกินไป
วันนี้ (4 ก.ค.) กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ออกแถลงการณ์กรณีพบขยะพลาสติกในกระเพาะอาหารของวาฬหัวทุย ที่เสียชีวิตกลางทะเลแถบเกาะลันตา จ.กระบี่ ความว่า กรุงเทพฯ, 4 กรกฎาคม 2562 - จากกรณีที่วาฬหัวทุย (Spermwhale, Physeter macrocephalus) เพศผู้ วัยรุ่น ขนาดลำตัวยาว 11.33 เมตร[1] ลอยเสียชีวิตอยู่กลางทะเลระหว่างเกาะหม้อกับเกาะห้า จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แถลงถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากการป่วยตามธรรมชาติจากระบบหายใจล้มเหลว ร่วมกับการติดเชื้อทั่วร่างกาย
ภายในกระเพาะอาหารพบขยะเป็นขวดพลาสติก 3 ใบ และถ้วยพลาสติก 1 ใบนั้น พิชามญชุ์ รักรอด หัวหน้าโครงการรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าขยะพลาสติกจะไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตของวาฬหัวทุยในครั้งนี้ แต่ตราบเท่าที่สังคมมนุษย์ยังปล่อยให้มีขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพิ่มปริมาณมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมทางทะเล มลพิษพลาสติกจะยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามของความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตและสัตว์ทะเลหายากอยู่ต่อไป”
รายงานสถานภาพสัตว์ทะเลหายาก พ.ศ.2560 [2] ระบุว่า จากการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากกลุ่มโลมาและวาฬที่เกยตื้นระหว่างปี พ.ศ.2549-2559 รวมระยะเวลา 11 ปี โลมาและวาฬส่วนใหญ่เสียชีวิตมาก่อนแล้ว ทำให้ความสำเร็จในการช่วยเหลือโลมาและวาฬยังมีค่อนข้างต่ำ เนื่องจากโลมาและวาฬที่เกยตื้นส่วนใหญ่มีอาการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรง รายงานยังระบุอีกว่า ขยะเป็นสาเหตุของการเกยตื้น ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ค่าเฉลี่ยของเต่าทะเลและโลมาที่กลืนขยะและเข้าไปสะสมอยู่ในระบบทางเดินอาหารมีร้อยละ 2-3 แต่เมื่อรวมการเกยตื้นที่มีขยะทะเลเกี่ยวพันภายนอก โดยเฉพาะขยะจำพวกอวนซึ่งพบมากในเต่าทะเล สัดส่วนการเกยตื้นจากสาเหตุขยะจะสูงถึงร้อยละ 20-40
ข้อมูลปริมาณขยะทะเลในประเทศไทย ประจำปี 2561 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุ ถุงพลาสติก กล่องโฟม และบรรจุภัณฑ์พลาสติก คือขยะทะเล 3 อันดับแรก ซึ่งพบมากที่สุดและมีจำนวนรวมกันมากกว่าหนึ่งแสนชิ้น [3] ขยะพลาสติกในทะเลซึ่งสะท้อน “วิกฤตแห่งความสะดวกสบาย” ของสังคมมนุษย์เหล่านี้คือ มลพิษพลาสติกที่เป็นภัยคุกคามหลักของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ซึ่งเป็นระบบสนับสนุนค้ำจุนชีวิตของมนุษย์เอง
พิชามญชุ์ รักรอด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ไม่มีห้วงเวลาใดที่เร่งด่วนมากไปกว่านี้อีกแล้ว หากเราต้องต่อกรวิกฤตมลพิษพลาสติก รัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบาย มาตรการและแผนงานโดยเฉพาะการยกเลิกพลาสติกใช้ครั้งเดียว 7 ชนิด ให้เป็นรูปธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น ออกประกาศเก็บค่าธรรมเนียมถุงพลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทั่วประเทศโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อตั้งกองทุนที่ทำงานเป็นอิสระเพื่อฟื้นฟูทะเลไทย และเน้นการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนเพื่อเปิดกว้างให้แก่กระบวนการมีส่วนร่วม และการสนับสนุนจากสาธารณชน (public support) แทนการรณรงค์สร้างจิตสำนึกอย่างฉาบฉวย”
“ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายเร็ว (Fast Moving Consumer Goods) ต้องมีนโยบายและคำมั่นที่ชัดเจนในการลงมือปฏิบัติ เพื่อยกเลิกพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
ท้ายแถลงการณ์มีหมายเหตุไว้ด้วยคือ [1] วาฬหัวทุย (Spermwhale) เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลไทย (Cetaceans of Thailand) ที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ที่พบในทะเลเขตน้ำลึกบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต สตูล ในขณะที่การศึกษาสถานภาพและการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรโลมาและวาฬในธรรมชาติยังจำกัดเฉพาะในกลุ่มประชากรจำถิ่นใกล้ฝั่ง [2] https://bit.ly/2NG4n5E [3] http://tcc.dmcr.go.th/thaicoastalcleanup/report อีกทั้งสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ สมฤดี ปานะศุทธะ ผู้ประสานงานสื่อมวลชน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โทร. +66 81 929 5747 อีเมล : spanasud@greenpeace.org
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
.
- ตายอีกตัว! พบซากวาฬหัวทุยขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางทะเลเกาะลันตา จ.กระบี่ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุ
.
- อึ้ง! ผ่าซากวาฬหัวทุยฟันหายเกลี้ยงปาก คาดแอบลักลอบตัดทำของขลัง ส่งชิ้นเนื้อตรวจหาสาเหตุการตาย พบตายแล้ว 21 ตัว
.
- อนาถ! ขวดพลาสติกโผล่ในท้องวาฬหัวทุยตายกลางทะเลอันดามัน