สตูล - นักธุรกิจ สปป.ลาว เดินหน้ารุกเปิดตลาดธรรมชาติในพื้นที่ จ.สตูล หวังเชื่อมโยงสินค้าชุมชน และการท่องเที่ยวจากประเทศลาว ลงสู่พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่โรงแรมรอยัลฮิลล์ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล นายจรัญ อินทระ รรท.พัฒนาการจังหวัด สำนักงานพัฒนาการจังหวัดสตูล เปิดโครงการหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว 8 เส้นทาง เชื่อมโยงการตลาดท่องเที่ยวกับภาคธุรกิจ และกิจกรรมพัฒนาอาหารพื้นถิ่น (โอทอปรสไทยแท้) โดยมีภาคธุรกิจจาก สปป.ลาว นำโดย นายคำไพ สงชะนะ ประธานสมาคมเฟอร์นิเจอร์ สปป.ลาว และนักธุรกิจจากหลากหลายสาขา ทั้งท่องเที่ยว ธุรกิจนำเข้าและส่งออกรวม 6 คน เข้าร่วมในครั้งนี้
พร้อมทั้งมีหัวหน้ากลุ่มงาน และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล คณะผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนด้านการท่องเที่ยว การนำเข้าส่งออกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะที่ปรึกษาจากบริษัทไอคิว 4 ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล คณะผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน และที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพบปะพูดคุย และแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอป และเส้นทางการท่องเที่ยวต่อกัน
ทั้งยังได้นำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว โดยมีกิจกรรมการเชื่อมโยงการตลาดท่องเที่ยวกับภาคธุรกิจ และกิจกรรมพัฒนาอาหารพื้นถิ่นโอทอปรสไทยแท้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงการตลาดท่องเที่ยวกับภาคธุรกิจระดับจังหวัด การประชาสัมพันธ์ การดำเนินงานหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยวระดับจังหวัด การสร้าง และพัฒนาศักยภาพแก่เจ้าหน้าที่ และแกนนำหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยวให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในการปรับปรุงการผลิตอาหารพื้นถิ่นที่ปลอดภัย และใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อค้นหาอัตลักษณ์เฉพาะด้านอาหารพื้นถิ่นของหมู่บ้าน เป็นเมนูสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาอาหารพื้นถิ่นของหมู่บ้านให้มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และมีความเป็นอัตลักษณ์ สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว
โดยกลุ่มเป้าหมายของกิจกรรม คือ หมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว จำนวน 2 อำเภอ 3 หมู่บ้าน ของ จ.สตูล อันประกอบด้วย หมู่บ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่บ้านปากบารา และหมู่บ้านควนดินดำ รูปแบบการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย รูปแบบการฝึกอบรมพัฒนาการนำแสดง การเชื่อมโยงและเจรจาธุรกิจ และการลงนามข้อตกลงร่วมกัน ในส่วนของกิจกรรมการเชื่อมโยงและเจรจาธุรกิจได้จัดให้หมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว เจรจากับภาคธุรกิจเอกชนด้านการท่องเที่ยวระดับจังหวัดภายในประเทศไทย และต่างประเทศ คือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีตัวแทน 2 หน่วยธุรกิจการท่องเที่ยว และ 4 หน่วยธุรกิจนำเข้าและส่งออก
ดร.ณรงค์ อนันต์เลิศสกุล นายกสมาคมที่ปรึกษาธุรกิจภาคใต้ ยอมรับว่า ได้เล็งเห็นว่า ขณะนี้ สปป.ลาว มีทิศทางในการเติบโต หลังจากจีนได้ลงทุนในภาคโครงสร้างพื้นฐานหลากหลาย เช่น รถไฟความเร็วสูง อีกทั้งตนได้รับเกียรติเป็นที่ปรึกษาหอการค้า สปป.ลาว จึงเห็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสระหว่างกัน จึงมีวันนี้ขึ้นเพื่อให้มีการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกัน และแลกเปลี่ยนสินค้า และการท่องเที่ยว เนื่องจาก สปป.ลาว ไม่มีทะเล และอาหารทะเล การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจะได้มีการแลกเปลี่ยน รวมทั้งสิ่งของสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าไทย มีสินค้าชุมชนหลายอย่างที่ได้มาตรฐานทั้ง อย., มอก. ซึ่ง สปป.ลาวเองก็อยากจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง
โดย ดร.ชาริณี กีรติโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัทไอคิวซี ประเทศไทย จำกัด ผู้จัดงานในครั้งนี้ เปิดเผยว่า สภาการค้าการลงทุนของ สปป.ลาว มีความต้องการจะเชื่อมโยงธุรกิจการค้าการท่องเที่ยวเส้นทางที่ 6 สู่ไทย โดยผ่านเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และอุดมไทร ทางสายการบินหาดใหญ่ มุ่งหน้าลงสู่เกาะหลีเป๊ะ เนื่องจากขณะนี้จะพบว่าใน สปป.ลาว มีนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และจีนหลั่งไหลมากถึงปีละ 1 ล้านคน เริ่มต้องการส่งต่อโดยจัดทริป 5 วันอยู่เกาะหลีเป๊ะ และท่องเที่ยวชุมชน 2 วัน และที่เหลือเที่ยวเวียงจันทน์ หลวงพระบาง เพื่อส่งต่อ และในเร็วๆ นี้ ทางเวียงจันทน์จะเปิดให้มีการจัดบูทการแนะนำสินค้าผลิตภัณฑ์จากไทย 40 บูท ในการร่วมแลกเปลี่ยน และกระตุ้นการกระจายสินค้าจากชุมชนให้มีความยั่งยืน และเกิดรายได้ถึงชุมชนอย่างแท้จริง
ซึ่งหลังจากนี้ ดร.ชาริณี กล่าวเสริมว่า ทางประเทศไทย โดยเฉพาะใน จ.สตูล ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นที่พัก โฮมสเตย์ ภาษาจีนและอังกฤษ ในการรองรับการท่องเที่ยวทาง สปป.ลาว ที่กำลังจะมาส่งต่อกลุ่มลูกค้ายุโรป และจีนมาทาง จ.สตูล เพิ่มมากขึ้น
นายคำไพ สงชะนะ ประธานสมาคมเฟอร์นิเจอร์ สปป.ลาว ยอมรับว่า การเดินทางมายัง จ.สตูล ในครั้งนี้ คาดหวังว่าจะมีการเชื่อมสัมพันธ์ด้านการค้าผลผลิต ประเภทไม้ยางอบแห้งในการทำเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งยางพารา รวมทั้งมะพร้าว และพริกไทย ในการค้าขาย และอาหารทะเลในการทำธุรกิจร่วมกัน พร้อมเห็นว่างานในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ในการกระจายสินค้า และลงทุนกันแบบวินวิน เนื่องจากไทย และ สปป.ลาว ก็เสมือนบ้านพี่เมืองน้อง