สุราษฎร์ธานี - องคมนตรีลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี
เมื่อเวลา 10.20 วันนี้ (1 ส.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะ ประธานกรรมการติดตาม และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำบางทรายนวล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทับคริสต์ ตำบลคลองชะอุ่น อำเภอพนม โครงการทำนบดินคลองบางพ่อตาพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางปรุ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก อำเภอพนม และโครงการฝายคลองสะพานนาคอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ที่ 5 ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยช่วงเช้า องคมนตรี พร้อมคณะฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำบางทรายนวล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทับคริสต์ ตำบลคลองชะอุ่น อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี รับฟังสรุปผลการดำเนินงาน พร้อมกับตรวจเยี่ยมโครงการและพบปะเยี่ยมราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ โอกาสนี้ ได้ปลูกต้นเคี่ยมซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกับปล่อยกุ้งก้ามกรามเพื่อแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป
โครงการอ่างเก็บน้ำบางทรายนวล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2527 ควรพิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำบางทรายนวล ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาคลองชะอุ่นโดยเร่งด่วน เพื่อจัดหาน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกของราษฎรหมู่บ้านต่างๆ ในเขตตำบลคลองชะอุ่น ให้มีน้ำใช้ตลอดปี
โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2529 แล้วเสร็จเมื่อปี 2531 ลักษณะเป็นเขื่อนดินสูง 32 เมตร มีความจุที่ระดับกักเก็บ 2.20 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลคลองชะอุ่น สำหรับทำการเกษตร ประมาณ 3,000 ไร่ และสำหรับอุปโภคบริโภค จำนวน 235 ครัวเรือน จำนวน 1,238 คน ได้ตลอดทั้งปี
ราษฎรมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในชื่อ “บริหารการใช้น้ำบางทรายนวล” มีจำนวนสมาชิก 160 ครัวเรือน มีการจัดตั้งกองทุนและเก็บค่าบำรุงรักษาจากสมาชิก รวมทั้งมีการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อสร้างการรับรู้ร่วมกัน นอกจากนี้ยังให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ และยังร่วมกันพัฒนาบำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำบางทรายนวลเป็นประจำ
ส่วนช่วงบ่าย องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังโครงการทำนบดินคลองบางพ่อตาพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางปรุ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ตามที่ราษฎรหมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก ได้ขอพระราชทานเนื่องจากประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง
โดยกรมชลประทานได้ก่อสร้างทำนบดิน ขนาดควาจุ 30,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือราษฎรหมู่ 6 จำนวน 193 ครัวเรือน จำนวน 965 คน มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และพื้นที่การเกษตรประมาณ 772 ไร่ ได้อย่างเพียงพอตลอดปี นอกจากนี้ ราษฎรยังได้รวมตัวจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในชื่อ “ป่าเขียวน้ำใสด้วยน้ำพระทัยในหลวง” มีสมาชิก จำนวน 138 ครัวเรือน มีการจัดตั้งกองทุนโดยเก็บค่าบำรุงรักษาเพื่อใช้ซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบส่งน้ำในกรณีฉุกเฉิน มีการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกเดือน และในวันหยุดนักขัตฤกษ์ นอกจากนี้ ยังร่วมกันพัฒนาและบำรุงรักษาโครงการทำนบคลองบางพ่อตาเป็นประจำ
จากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังโครงการฝายคลองสะพานนาคอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ที่ 5 ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลคลองศก ได้ขอพระราชทานเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และเกษตรกรรมของราษฎรหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6
โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินการก่อสร้างฝายทดน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดสันฝายสูง 2 เมตร ยาว 24 เมตร ระบบท่อส่งน้ำ พร้อมอาคารประกอบท่อส่งน้ำ จำนวน 53 แห่ง สามารถส่งน้ำสำหรับอุปโภคช่วยเหลือราษฎรหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก จำนวน 87 ครัวเรือน และพื้นที่ทำการเกษตร ประมาณ 1,000 ไร่ ได้อย่างเพียงพอตลอดปี นอกจากนี้ ราษฎรยังมีการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในชื่อ “สายธารร่วมใจสะพานนาค” เพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำ และร่วมกันบำรุงรักษาฝายให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวม 31 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำถึง 19 โครงการ ซึ่งจากการติดตามตรวจเยี่ยมของคณะองคมนตรีครั้งนี้ ก็จะได้รวบรวมปัญหา อุปสรรค ตลอดจนประสิทธิภาพในการดำเนินงานแต่ละโครงการฯ เนื่องจากบางโครงการมีอายุการใช้งานมานาน
ประกอบกับความต้องการใช้น้ำของประชาชน และประโยชน์ด้านอื่นๆ เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องมีการติดตาม ขับเคลื่อนเพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และมีการต่อยอด ขยายผล ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการเพื่อสร้างประโยชน์ยิ่งขึ้นต่อไป