xs
xsm
sm
md
lg

สุดอนาถ! วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัวผู้สูงวัย 4 ชีวิตแสนรันทด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - 4 ชีวิตสูงวัย สุดอนาถ อาศัยบ้านพักหลังวิทยาลัยเกษตรฯ ที่ทรุดโทรมอย่างหนัก มี 2 คนป่วยโรคทางสมอง อีก 2 คน ช่วยดูแลตามมีตามเกิด พี่สาวคนโตวัย 63 ปี ต้องเดินเท้าไปกลับวันละ 14 กม. เอาผักไปขายประทังชีวิต วอนผู้ใจบุญเข้าช่วยเหลือ

วันนี้ (26 มิ.ย.) นักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคใต้ นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักหลังวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของลุงป้า 4 พี่น้อง คือ น.ส.นงนุช นายเสด็จ น.ส.อารณี และนายพิพัฒน์ สงศรี อายุ 63, 60, 59 และ 53 ปีตามลำดับ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันอย่างยากลำบาก ด้วยสภาพบ้านที่ชำรุดทรุดโทรม มิหนำซ้ำมี 2 คน ที่มีอาการป่วยทางสภาพจิตใจและสมอง แต่ยังคงมีอีก 2 คน ที่ใจยังสู้พร้อมจะดูแล
 

 
ซึ่งนับเป็นภาพที่รันทดจิตใจของผู้พบเห็นยิ่งนัก ด้วยพื้นที่ในบ้านมี 2 ห้องนอน ที่ถูกกันด้วยไม้กระดานเก่าๆ ไม่มีประตู มีห้องน้ำที่มีกลิ่นเหม็น ห้องครัวมีเตาถ่านไว้หุงอาหาร และทั้งบ้านมีไฟฟ้าแสงสว่างเพียงดวงเดียว ที่นอนมีเพียงเสื่อ และหมอนหนุนที่หมดสภาพไปหมดแล้วทุกอย่าง เครื่องใช้ในบ้านมีผู้บริจาคมาทั้งสิ้น ทุกคนต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

นายพิพัฒน์ น้องคนเล็กที่สุดของบ้าน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองพร้อมพี่อีก 3 คน ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน หลังจากแม่เสียชีวิตลง ที่ดิน และสมบัติทุกอย่างถูกขายไปจนหมดสิ้น แต่โชคยังดีที่บรรพบุรุษผู้เป็นตา คือ นายขุนสิทธิ์ ชัยภักดี ได้เคยบริจาคที่ดินบริเวณนี้จำนวน 85 ไร่ ให้แก่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคใต้เพื่อสร้างเป็นสถาบันการศึกษาจนถึงปัจจุบัน
 

 
โดยครอบครัวนี้มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 11 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 6 คน เลือกมีชีวิตอยู่ 5 คนแต่ 1 คนหายสาบสูญไป เหลือเพียงตนเอง และพี่อีก 3 คน ที่ยังคงอยู่ด้วยกัน และทุกคนต่างไม่มีครอบครัว แต่มีพี่สาว และพี่ชาย 2 คน ที่ป่วยคาดว่าเป็นโรคทางสมอง และไม่เคยมีโอกาสตรวจได้รักษาเพราะยากลำบากในการเดินทาง เนื่องจากบ้านที่พวกตนได้อาศัยอยู่หลังนี้ เป็นบ้านพักข้าราชการของวิทยาลัยฯ ที่มีสภาพเก่า และทรุดโทรมอย่างหนัก อีกทั้งอยู่ท้ายด้านหลังวิทยาลัยฯ ระยะทางจากบ้านออกไปในเมืองมีระยะทางประมาณ 7 กม.

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า น.ส.นงนุช หรือป้าเอียด พี่สาวตนก็จะต้องเดินเท้าไปกลับ วันละ 14 กม.ทุกวันเพื่อเอาของไปขายที่หาได้ เช่น มะพร้าว เศษยาง (ในสวนยางที่วิทยาลัยฯ ปลูกไว้) และผักที่ปลูกไว้ข้างบ้านไปขาย เพื่อนำเงินที่ได้วันละ 30-40 บาท ซื้ออาหารมาให้ได้กินกันทั้งบ้าน หรือบางวันก็ไม่มี ทางวิทยาลัยฯ ก็ช่วยเหลือให้ทุกคนได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้แบบฟรี ยกเว้นค่าน้ำค่าไฟ และช่วยเหลือข้าวสารอาหารบ้างตามอัตภาพ ซึ่งพวกตนเองก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร เขาให้อยู่ก็อยู่ไป เวลาฝนตกหลังคาบ้านก็รั่ว น้ำก็ไหลเข้าบ้านอยู่บ่อยๆ
 

 
ตนเองกับพี่สาวซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแรง และมีกำลังมากที่สุดในบ้าน ก็ต้องช่วยกันดูแลพี่น้องที่กำลังป่วยด้วยโรคทางสมองเท่าที่จะทำได้ โดยตนก็ปลูกผักหาของแล้วให้พี่สาวเดินไปขายเป็นแบบนี้ทุกวัน จนบางครั้งก็นึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง ก็มีการระบายเขียนความในใจไว้ข้างฝาบ้าน เพราะตนเองพอมีความรู้ เรียนจบระดับ ปวช.3 ที่วิทยาลัยเกษตรฯ แห่งนี้

“โดยก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานเป็นลูกจ้างที่บ่อกุ้งที่ อ.กันตัง จ.ตรัง แต่เขาก็เลิกกิจการไป จึงได้กลับมาอยู่กับพี่น้องจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีกำลังใจพยายามมองคนที่เจอปัญหาหนักกว่าพวกตนแต่ทุกคนก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ก็อยากให้มีผู้ที่มีจิตจะช่วยเหลือ ช่วยมาซ่อมแซมบ้านให้หน่อย หลังคารั่วหนักมากเพราะไม้กระดานเริ่มผุพัง และช่วยติดไฟฟ้าให้อีกด้วยก็จะดีมากแล้ว ส่วนอาชีพตนเองอยากปลูกผัก ทำเกษตร เพราะชอบ และพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทุนไปทำอะไรได้” นายพิพัฒน์ กล่าว
 

 
ด้าน น.ส.นงนุช หรือ ป้าเอียด พี่สาวคนโต ก็กล่าวว่า ก็มีคนจะมาพาน้องๆ ตนไปอยู่ที่อื่นๆ เช่น บ้านพักคนชรา แต่ตนก็ไม่อยากให้ไปเพราะแม่สั่งเอาไว้ว่าให้ตนเองดูแลพี่น้องทุกคน ถึงจะยากดีมีจนก็อยากให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่อยากให้จากไปไหน ตนเองยังมีแรงยังเลี้ยงน้องไหว

ด้าน นายเกียรติศักดิ์ บัวดำ ประธานชมรมพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรฯ กล่าวว่า พวกตนเองก็เห็นครอบครัวนี้ลำบากมาก ก็พยายามหามะพร้าว หรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าพอจะนำไปขายเป็นเงินได้นำมาให้เป็นประจำ ก็อยากให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือดูแลครอบครัวนี้ อย่างน้อยก็ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้

สำหรับผู้ที่มีจิตอยากช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีเลขที่ 010572738425 ชื่อบัญชี นายพิพัฒน์ ส่งศรี เพื่อนายเสด็จ ส่งศรี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาตรัง
 



กำลังโหลดความคิดเห็น