ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูเก็ตลงพื้นที่ติดตามผู้ก่อเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน 2 ราย ที่ท่าเรือในพื้นที่เกาะสิเหร่ หลังมีคลิปแชร์ว่อนในโซเชียล ผู้ก่อเหตุดอดมอบตัวแล้ว 3 ราย แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย 2 ราย ส่วนนักท่องเที่ยวปลอดภัยแล้ว
จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา ได้มีการแชร์คลิปวีดีโอ ความยาวประมาณ 7 วินาที และภาพนิ่งอีกประมาณ 6 ภาพ เข้าไลน์กลุ่มต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และมีการพิมพ์ข้อความว่า “ไกด์ยูนนานตีลูกทัวร์จีนวันนี้ที่ท่าเรือนนทศักดิ์ ไม่รู้ไม่พอใจอะไร กลับมาจากพีพี มันมาเรียกพวกมาที่ทางเข้า ยกพวกมาดักตีลูกทัวร์จีน”
โดยในคลิปเห็นชายเสื้อฟ้า ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน กำลังใช้มือไล่ตีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกัน หลังจากนั้นคลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ไปหลายกลุ่ม และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอให้ติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด และทราบว่า นักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
ต่อมา พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรีเมืองภูเก็ต และ พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้ประสานกับ พ.ต.ต.เอกชัย ศิริ สว.สทท.1กก. 2 บก. 3 ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนไทยที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท
หลังจากนั้น พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.สากล ไกรนรา สว.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ลงพื้นที่สอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คน ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต คือ นาย LYU JINLIN อายุ 38 ปี สัญชาติจีน ถูกปาด้วยก้อนหิน ศีรษะแตก เย็บ 3 เข็ม หน้าแข้งถูกตีด้วยไม้ และล้มมีแผลถลอก และ นาย LIN JIANEI อายุ 45 ปี สัญชาติจีน หูถูกตีด้วยขวดน้ำ แผลฉีกขาดถึงกระดูก แพทย์ได้เย็บแผล ที่หน้าแข้งถูกตีและล้มแผลถลอก
จากการสอบสวนทราบว่า นักท่องเที่ยวทั้งสองราย ได้เดินทางมาจากเมืองกุ่ยหมิง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.61 ทางสนามบินกระบี่ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.61 ได้เดินทางไปเที่ยวเกาะพีพี โดยขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะสิเหร่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากขึ้นเรื่อนักท่องเที่ยวจีนได้วางกระเป๋าไว้ตรงที่นั่ง ได้มีคนไทยซึ่งชื่อพาครอบครัวไปเที่ยวเช่นเดียวกัน ได้กล่าวตักเตือนการวางกระเป๋าไว้ตรงที่นั่ง 2 ครั้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่พอใจ และบอกว่าไม่ต้องพูดเสียงดังก็ได้ แล้วก็เก็บกระเป๋าออกจากที่นั่ง สร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยดังกล่าว ตลอดการเดินทางทั้งสองฝ่ายไม่ได้คุยกันอีกเลย จนกระทั่งขึ้นฝั่งเวลา 15.40 น. ทางคนไทยรายดังกล่าวได้ไล่ตีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 2 คน
ต่อมาหลังจากเจ้าหน้าที่ฯ ได้สอบปากคำนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ราย และได้ดูคลิปแล้วทำให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ในกลุ่มชาวยูนนาน จึงได้ประสานคณะกรรมการชาวยูนนานในภูเก็ตให้พามอบตัว จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย คือ นายปะ ทองดี อายุ 24 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ชาว ต.แสนไห อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ นายสิหริ แสนคำ อายุ 27 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ชาว จ.เชียงใหม่ และ นาย LIAYAOYI อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนม่า โดยทั้ง 3 คนเดินทางมามอบตัวที่ทำการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และได้มีการสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบ นาย LIAYAOYI อายุ 26 ปี ผู้ที่มีปากเสียงกับนักท่องเที่ยว ว่า ตนได้พาครอบครัวไปเที่ยวที่เกาะพีพีในช่วงเช้า ขณะที่อยู่บนเรือได้เกิดมีปากเสียงกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้ง 2 คน เรื่องวางกระเป๋าบนที่นั่งบนเรือสปีดโบ๊ท แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนทั้ง 2 คนไม่สนใจ จากนั้นเดินทางไปท่องเที่ยวบนเรือยังเกาะพีพี จนกระทั่งช่วงเย็นประมาณ 15.30 น.กลับสู่ท่าเรือแห่งหนึ่งที่เกาะสิเหร่ เมื่อขึ้นมาบนฝั่งตนก็ได้มีปากเสียงและได้ชกต่อยกัน ซึ่งทางฝ่ายนักท่องเที่ยวได้ใช้ไม้ตีก่อน ระหว่างนั้นได้มีเพื่อนจำนวน 2 คน นายสิหริ แสนคำ และ นายปะ ทองดี ขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงได้เข้าช่วยเหลือและเกิดการชุลมุนกัน ทำให้ฝ่ายนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บในที่สุด
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (14มิ.ย.) พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล กล่าวว่า หลังจากที่สอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว โดยผู้เสียหายจำหน้าผู้ที่ก่อเหตุ 2 คน คือนายปะ ทองดี และ นาย LIAYAOYI อายุ 26 ปี และทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ได้แจ้งข้อกล่าวหา คือ นายปะ ทองดี และ นาย LIAYAOYI อายุ 26 ปี ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส่วน นายสิหริ แสนคำ ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากผู้เสียหายจำไม่ได้จึงได้กันไว้เป็นพยาน ซึ่งผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนคนละ 20,000 บาท และจะส่งฟ้องศาลต่อไป