สุราษฎร์ธานี - ดรามาหนัก!! ขนมจีนคลุกน้ำปลาให้นักเรียนกินที่สุราษฎร์ฯ ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน กรรมการโรงเรียนดาหน้าออกมาเผยปี 59 เคยร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กรณีโครงการอาหารกลางวันที่ ผอ.ให้เด็กกินขนมจีนกับน้ำปลา แต่เพิ่งแจ้งผลการสอบสวนเมื่อ 7 พ.ค.61 ระบุ ผอ.ทำถูก ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพื้นที่การศึกษาก็เตรียมสรุปผลการสอบในวันศุกร์นี้
จากกรณีมีผู้เผยแพร่คลิป โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ม.17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เด็กนักเรียนอนุบาลกิน “ขนมจีนคลุกน้ำปลา” ในถาดหลุม และมีเสียงถามเด็กว่า รับประทานกับน้ำปลาใช่ไหม บางรายมีลักษณะเหมือนขนมจีนราดแกง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ตั้งคำถามว่า เกิดการทุจริตในโครงการอาหารกลางวันหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ต่อมา ได้มีคำสั่งย้าย นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าวออกจากพื้นที่ไปช่วยราชการประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 (สพป.สฎ เขต 2) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ ทางเขตพื้นที่การศึกษาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดของ ผอ.โรงเรียน จำนวน 10 ข้อ ขณะที่ทาง ป.ป.ช.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการดำเนินการใช้จ่ายเงินอาหารกลางวัน พบปมทุจริตเพียบตามที่เสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด น.ส.จิตนา พริ้มพลาย สมาชิก อบต.หมู่ที่ 17 บ้านท่าใหญ่ พร้อมด้วย นายประวิง ท่องวิถี ผู้ปกครองเด็กได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2559 ทางผู้นำชุมชน คณะกรรมการโรงเรียนพร้อมด้วยผู้ปกครองได้ทำเรื่องร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสต่อสำนักงานพื้นที่เขตการศึกษาและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเรื่องโครงการอาหารกลางวันที่ไม่มีคุณภาพติดต่อกันมาตั้งแต่ ผอ.เข้ามารับตำแหน่งที่โรงเรียน โดยเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้ออาหารมาเอง โดยใช้เงินประมาณ 2,500 บาทต่อวัน ทั้งที่งบประมาณค่าอาหารเด็กตกประมาณ 5,540 บาทต่อวัน
และกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนโดยทำตัวเป็นพ่อค้า นำเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมมาขายให้แก่เด็กนักเรียน ทั้งที่ทางกลุ่มผู้ปกครอง และคณะกรรมการโรงได้คัดค้านไม่ให้นำมาจำหน่ายแก่เด็ก และล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า ผลการสอบสวนผู้อำนวยการโรงเรียนดำเนินการถูกต้อง
จึงขอเรียกร้องขอให้ทางผู้บังคับบัญชา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวมีการช่วยเหลือผู้อำนวยการให้พ้นผิดหรือไม่ หากพบว่ามีการช่วยเหลือขอให้ดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นตัวอย่างแก่สังคมต่อไป นอกจากนั้น กลุ่มผู้นำชุมชนตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือตอบกลับมาฉบับดังกล่าว มีการลบข้อความบางข้อความออกไป
ขณะที่นายพล ศรัทโธ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผย ถึงความคืบหน้า หลังการตรวจสอบเอกสารโครงการอาหารกลางวันเด็ก พบว่าตั้งแต่ปี 2557 - 2561 ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการเองโดยทั้งสิ้น การจัดทำบัญชีก็คล้ายกันติดต่อมา ส่วนใหญ่เป็นอาหารจานเดียวไม่มีผลไม้ และ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายการอาหารเป็นอย่างอื่น ส่วนจะผิดหรือไม่ต้องอยู่ที่เอกสารต่างๆ ว่าทำด้วยเจตนาหรือไม่ มีการถูกบังคับหรือไม่
จากการตรวจพบความผิดปกติ คือ เรื่องของอาหารกลางวันที่มีน้อยเกินไป ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกระทบต่อสังคมอย่างมาก โดยเรื่องนี้จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดครั้งแรกกำหนดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 25 มิ.ย.แต่ขณะนี้นี้ได้มีการเร่งรัดจากคณะกรรมการให้สรุปผลการตรวจสอบเพื่อเสนอคณะกลั่นกรองเพื่อขอตั้งอนุไต่สวน หรือจะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ตนจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอตั้งอนุไต่สวนเพื่อดำเนินการเอาผิดตามพยานหลักฐานที่พบในเบื้องต้นจำนวน 3 ข้อประกอบด้วย เอกสารเป็นเท็จ - ไม่มีการตรวจรับพัสดุ และ ไม่มีเอกสารตัวตนแสดงตัวตนว่าเป็นผู้ขาย
ส่วนนายจักรินทร์ อภิสมัย รอง ผอ.สพป.สฎ เขต 2 ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้กล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบข้อร้องเรียนจำนวน 10 เรื่อง พบประเด็นมีมูลจำนวน 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.โครงการอาหารกลางวันเด็กที่ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งโครงการเลี้ยงไก่ไข่และเลี้ยงปลา 2.เรื่องการขยายก่อสร้างเสาไฟฟ้าภายในโรงเรียน ที่โครงการมี 8 ต้น แต่มีการดำเนินการจริงแค่เพียง 6 ต้น ซึ่งทางตนจะเร่งสรุปการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ หากพบว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนมีความผิดไม่ร้ายแรงก็จะเสนอต่อผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้พิจารณา หากพบว่ามีความผิดขั้นร้ายแรงก็จะนำเสนอต่อศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ในขณะเดียวกันนายประทีป ทองด้วง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฏร์ธานีเขต 2( ผอ.สพป.สฎ เขต 2) ได้ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจแก่คณะครูในที่ได้รับการร้องเรียน ซึ่งครูหลายคนได้ร่ำไห้ระบายความอัดอั้นตันใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยระบุว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำตาม ก็ถูกเกรี้ยวกราดด่าว่าข่มขู่
ด้านเฟซบุ๊ก ปฎิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ออกมาแฉกรณีเรื่องเสาไฟฟ้าในโรงเรียน โดยระบุว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จัดซื้อจัดจ้างระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน วงเงิน 380,200 บาท เป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง เดินสาย VCT ติดตั้งตู้ควบคุม และ ลงเสาไฟคอนกรีตแบบมาตรฐานของการไฟฟ้า เสาสูง 8 เมตร จำนวน 8 เสา งานนี้เป็นงานตกลงราคาที่ มีการรับงานเอง จ้างคนในพื้นที่ดำเนินการ ตรวจดูราคาอุปกรณ์มีความผิดปกติหลายรายการ แต่ที่ชัดเจนโต้ง ๆ คือ เสาไฟ 8 ต้น ปักจริง 6 ต้น หายไปสอง และฝังไม่ได้ระดับตามแบบ แต่ตรวจรับไปเรียบร้อย