ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รอง ผบ.ตร.นำแถลงจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่าเผานั่งยางเศรษฐินีนักธุรกิจขายตรงที่ จ.สงขลา แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ แต่ยันมีพยานหลักฐานชัดเจน เชื่อดิ้นไม่หลุดแน่ ก่อนถูกแจ้ง 4 ข้อหา พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ความคืบหน้าคดีฆ่าเผานั่งยาง น.ส.ภิญญดา แป้นจันทร์ อายุ 48 ปี หรือเจ๊อ้อย เศรษฐินีนักธุรกิจขายตรง และขายประกันที่ จ.สงขลา หลังจากที่ นายกฤษฎา หรือโรจน์ ไหมขาว อายุ 49 ปี อดีตสามีได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่เมื่อคืนนี้ แต่ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุด วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ สภ.เมืองสงขลา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ภู่ภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ร่วมกันแถลงข่าวรายละเอียดของคดีนี้ แต่ผู้ต้องหาใช้สิทธิไม่ขอเผยตัวร่วมแถลงข่าว
โดย พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายกฤษฎา ให้การภาคเสธ และทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ 4 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำการใดๆ แก่ศพเพื่ออำพรางคดี ซ่อนเร้นโยกย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุของการตาย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อแนวทางการสอบสวนดำเนินคดี เนื่องจากมีทั้งพยานบุคคล และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์มัดตัวแน่น และพบว่า นายกฤษฎา อยู่กับผู้ตายขณะเกิดเหตุ และขับรถเบนซ์ออกไป ซึ่งหนึ่งในหลักฐานสำคัญของคดีนี้คือ ต่างหู แหวนเพชร และฟันปลอมของผู้ตายที่อยู่ในกองเถ้าถ่าน โดยจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และจะคัดค้านการประกันตัว เพื่อไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยาน
ส่วนสาเหตุของการฆ่า เนื่องจาก นายกฤษฎา ยังให้การปฏิเสธ ไม่ยอมให้การใดๆ จึงไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ถึงวิธีการฆ่า และปมการสังหาร เพียงแต่คาดการณ์ไปตามผลการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ และหลักฐานที่พบว่า ตายเพราะเสียเลือดมาก และถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนแรงจูงใจของการฆ่าจะมาจากการทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องของการประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนกันต่อไป
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของทรัพย์สินต่างๆ ของผู้ตาย ทั้งรถเบนซ์ รถยนต์กระบะอีก 2 คัน รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ภายในบ้าน ว่าจะสูญหายเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และติดตาม นอกจากนี้ หากพบว่ามีญาติ หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องต่อการช่วยเหลือผู้ต้องหาในระหว่างการหลบหนี ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย สำหรับคดีนี้เนื่องจากผู้ต้องหาให้การภาคเสธ จึงไม่สามารถนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวได้
คดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ญาติได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสงขลา ว่า น.ส.ภิญญดา ได้หายออกจากบ้านไปเมื่อคืนวันที่ 23 พฤษภาคม และมีการประกาศหาผ่านทางเฟซบุ๊ก กระทั่งมีพลเมืองดีพบร่องรอยของการถูกเผานั่งยางในพื้นที่ป่าพรุ บ้านท่านางหอม หมู่ 5 ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และผลตรวจที่เกิดเหตุพบหลักฐานที่ญาติระบุว่า เป็นศพของ น.ส.ภิญญดา ทั้งต่างหู แหวนเพชร และฟันปลอม ตำรวจจึงสอบสวน และพบว่า นายกฤษฎา น่าจะเป็นคนฆ่า จนกระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับ และได้เข้ามามอบตัวในที่สุด