ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทหารนำทีมปูพรมกวาดล้างน้ำมันเถื่อนพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ยึดน้ำมันเถื่อนกว่า 1 หมื่นลิตร พร้อมอุปกรณ์ และรถยนต์ดัดแปลงขนน้ำมันเถื่อน รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า 2 ล้านบาท รวบผู้กระทำผิด 11 ราย ส่งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจ สภ.สะเดา และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ในช่วง 7 วันสุดท้ายของเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางนำมันเถื่อน จำนวน 12,350 ลิตร แบ่งเป็นเบนซิน 9,860 ลิตร และดีเซล 2,490 ลิตร พร้อมกับอุปกรณ์ทั้งถัง และแกลลอนกักเก็บน้ำมันเถื่อน จำนวน 80 แกลลอน เครื่องสูบน้ำมันพร้อมสายยาง 14 ชุด และรถยนต์ดัดแปลงสภาพสำหรับขนน้ำมันเถื่อน 5 คัน รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า 2 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมตัวผู้กระทำผิดส่งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร อีก 11 คน
พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 เผยว่า การกวาดล้างจับกุมน้ำมันเถื่อนในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เนื่องจากการลักลอบค้าน้ำเถื่อนสร้างความเสียหายต่อรัฐ รวมทั้งระบบการจัดเก็บภาษี และเป็นการเอาเปรียบกลุ่มผู้ค้าน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
สำหรับผู้กระทำผิด และของกลางทั้งหมดจะส่งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งจะแตกต่างจากการดำเนินการในอดีตที่ผ่านมา ที่มักจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายของสรรพสามิต ซึ่งจะมีอัตราโทษที่ต่ำกว่า ทำให้ผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนส่วนใหญ่ไม่มีความเกรงกลัว และลักลอบทำกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทางทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยังคงดำเนินการปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเข้มงวดต่อไป