ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าของปั๊มน้ำมันเสียภาษีวอนรัฐช่วยปรับราคาน้ำมันให้ลดลง เพื่อสู้กับราคาน้ำมันเถื่อน ส่วนนายทุนขายน้ำมันเถื่อนปิดขายหลายจุดหลังถูกเจ้าหน้าที่รุกหนัก
วันนี้ (22 พ.ค.) จากปัญหาน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ทะลักเข้ามาอย่างหนักในช่วงนี้ จากผลพวงราคาน้ำมันของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งดีเซล และเบนซิน ราคาหน้าปั๊มที่ จ.สงขลา ตกลิตรละ 30 บาทกว่า ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ภาค 9 ได้มีการตรวจจับผู้ค้าน้ำมันเถื่อนตามริมถนนที่บ้านคลองแงะ สายควนสะตอ-บ้านบาโรย อ.สะเดา และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ของกลางน้ำมันดีเซล จำนวน 1,675 ลิตร น้ำมันเบนซิน 215 ลิตร และนำมาเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 77,373.75 บาท
ทำให้ในวันนี้บรรดานายทุนขายน้ำมันเถื่อนที่บ้านคลองรำ ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งมีปั๊มหลอดที่มีหัวจ่ายน้ำมันเถื่อนตั้งแต่ 2-3 หัวจ่าย จำนวน 4 ปั๊มหลอด และนายทุนขายน้ำมันเถื่อนริมถนนสายควนสะตอ-บ้านบาโรย อ.สะเดา กว่า 4 จุด ต่างพากันปิดกิจการ หยุดขายน้ำมันเถื่อนชั่วคราว
ทางด้าน น.ส.แอนนา มู่สา อายุ 31 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมันที่เสียภาษีให้แก่รัฐแห่งหนึ่งใน อ.สะเดา กล่าวว่า น้ำมันเถื่อนมีผลกระทบ โดยหลักก็คือ น้ำมันของไทยที่เราขายอยู่ในราคาลิตรละ 30 บาท คือ จะแตกต่างกับน้ำมันเถื่อน น้ำมันมาเลย์โดยสิ้นเชิง ซึ่งผู้บริโภคก็ใช้ในส่วนของราคาเป็นหลักในการตัดสินใจ ในส่วนของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของปั๊มน้ำมันก็จะมีผลกระทบมาก ลูกค้าจะน้อยลง เพราะลูกค้ามาก็เห็นราคาก็เกิดการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน
“ซึ่งอยากให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐเห็นใจ แล้วก็มีมาตรการอะไรก็ตามที่สามารถช่วยในการดูแลตรงนี้ได้ ก็คือให้ราคาถูกลงกว่านี้อีกนิดหนึ่ง หรือถ้าเป็นไปได้ทำให้ราคาสามารถใกล้เคียงกับน้ำมันของประเทศมาเลเซีย” น.ส.แอนนา มู่สา กล่าว