โดย…ไชยยงค์ มณีพิลึก
โดยความตั้งใจต้องการที่จะนำเสนอ “ชกหมัดตรง” แบบต่อเนื่องทุกวัน เพราะสังคมไทยวันนี้มีเรื่องให้เขียนถึงมากมาย ในขณะที่วงการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนกลายเป็นอีกวงการหนึ่งที่ “โตแต่เปลือก” มีแต่คนที่เป็น “นักข่าว” คือรายงานเรื่องของปรากฏการณ์ประจำวัน แต่ไม่มี “นักเขียน” ที่พร้อมวิพากษ์และชี้ทิศทางเพื่อให้สังคมได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น
ที่น่าเป็นห่วงสำหรับวงการสื่อในวันนี้คือ สื่อจำนวนไม่น้อยได้ “กลายพันธุ์” จากสุนัขเฝ้าบ้านไปเป็นกระบอกเสียงให้กับหน่วยงานของภาครัฐ อาทิ ศอ.บต.บ้าง กอ.รมน.บ้าง และหน่วยงานอื่นๆ โดยเอาแต่นำเสนอ “ข่าวประชาสัมพันธ์” ให้ ซึ่งนั่นไม่ใช่วิชาชีพของนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ หรือนักการสื่อมวลชนอื่นๆ อย่างแน่นอน
ประเด็นที่จะหยิบมาเขียนถึงในวันนี้คือ เรื่องที่กำลังร้อนฉ่าในสังคม โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์คือ เรื่อง “การยิงปืนในงานแต่งงาน” ที่ ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่วัยรุ่นกว่า 10 คนในชุด “ท่านหมื่น” ซึ่งนัยว่าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวที่อยู่ในขบวนแห่ขันหมากไปสู่ขอ “ออเจ้า” ได้เข้าแถวเรียงเดี่ยวยิงปืนกันอย่างสนุกสนานแบบที่เรียกว่า “คึกคะนองสุดๆ” นั่นแหละ
ประเด็นที่อยากจะเขียนถึงไม่ใช่เรื่องของความคึกคะนอง เพราะความคึกคะนองเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็มี โดยเฉพาะในวัยรุ่น และล่าสุดก็มีการเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยอมรับว่าการยิงปืนครั้งนี้มาจากความคึกคะนองนั่นเอง
แต่ประเด็นที่น่าจะต้องหยิบยกมาพูดคุยกันคือ เรื่องของ “อาวุธปืน” ที่ใช้ในการยิง ซึ่งถ้าดูตามคลิปที่วัยรุ่นกลุ่มนี้นำมาเผยแพร่ จะเห็นว่ามี “อาวุธสงคราม” อยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อมาดู “ของกลาง” ที่มีการนำมามอบให้ตำรวจ กลับเป็นปืนลูกซองยาวและ 9 ม.ม.เสียเป็นส่วนใหญ่
สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตต่อไปคือ อาวุธปืนที่นำมามอบให้ตำรวจ เป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้ในการยิงในวันที่เกิดเหตุหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นได้ที่ปืนที่ใช้ยิงในวันนั้นเป็น “ปืนเถื่อน” แต่ปืนที่นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับการมอบตัวเป็น “ปืนมีทะเบียน” ซึ่งอาจจะมีการ “ซูเอี๋ย” กันระหว่างคนทำผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่
โดยข้อเท็จจริงเป็นที่รู้ๆ กันว่า ในพื้นที่ จ.พัทลุงนั้น หลายอำเภอเป็นที่ชุกชุมไปด้วยอาวุธปืนเถื่อนและปืนสงครามจำพวก “คาร์บิน” และ “เอ็ม 16” เป็นปืนที่หาง่ายและกลายเป็น “ปืนกองกลาง” ที่มือปืนสามารถหยิบยืมไปใช้งานได้ตามความต้องการ
และ “อ.เขาชัยสน” ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ชุกชุมไปด้วยปืนเถื่อน ปืนสงครามและปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะเห็นได้ในคลิปวันที่เกิดเหตุที่วัยรุ่นเพื่อนเจ้าบ่าวกลุ่มนี้มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน และมีปืนติดตัวกันทุกคน แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยอาวุธปืน
เรื่องยิงปืนในงานศพ ยิงปืนในงานแต่ง หรือยิงปืนแก้บน สำหรับ “คนปักษ์ใต้” ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้วที่เสียงยิงปืนในงานต่างๆ ถือเป็น “ธรรมเนียม” ที่ “ควรปฏิบัติ” โดยเฉพาะยิ่งเป็น “คนดัง” หรือ “นักเลง” เรื่องการยิงปืนในพิธีต่างๆ จึงเป็นเรื่องปกติ
ประเด็นปัญหาจึงอยู่ที่อาวุธปืนเหล่านี้ เป็นปืนที่ใช้ในการก่ออาชญากรรม เป็นปืนที่มือปืนรับจ้างใช้ในการฆ่าคน การที่ในพื้นที่เต็มไปด้วยอาวุธปืน จึงเป็นสาเหตุของการก่ออาชญากรรม ประเด็นตรงนี้ต่างหากที่ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องเร่งดำเนินการในการแก้ปัญหา และยังเป็นการช่วยขจัด “เจ้าพ่อ” หรือ “ผู้มีอิทธิพล” ให้หมดไป
ต้องดูกันต่อไปว่า พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง จะดำเนินการอย่างไรกับการกวาดล้างอาวุธปืนในพื้นที่อย่างไร โดยเฉพาะในคดีของ “ท่านหมื่น” ที่ยิงปืนในขณะเคลื่อนขบวนขันหมากไปขอ “ออเจ้า” งานแต่งงานว่าจะมีการเอาจริงเอาจัง และจะมีการตรวจอาวุธปืนที่นำมามอบให้ว่าเป็นปืนชุดเดียวกับที่ใช้ยิงจริงหรือไม่ โดยเฉพาะในจำนวนปืนทั้งหมดมีอาวุธสงครามด้วยหรือเปล่า รวมถึงอาวุธเหล่านี้เคยใช้ก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ อย่างไร
เนื่องเพราะมีกระแสข่าวแพลมๆ ออกมาแล้วว่า คดียิงปืนในงานแต่งงานที่ ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่เกิดขึ้นอาจจะมีปรากฏการณ์ “ซูเอี๋ย” กันระหว่างตำรวจกับผู้ต้องหา โดยมี “ขาใหญ่” ในพื้นที่เป็นผู้จัดการในการ “จัดฉาก” ทั้งหมด