ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตสามีของ “น้องบี” หญิงสาวที่ไปแต่งงานกับ “นายมีมี่” ชายที่มีใบหน้าผิดปกติ จนสังคมโซเชียลออกมาชื่นชมว่าเป็นรักแท้ เปิดใจสุดช็อกที่เห็นภาพทั้งคู่แต่งงานกัน ยืนยันยังไม่ได้เลิกกับภรรยา ไม่ได้ติดการพนันถึงขั้นไม่ดูแลลูกเมียตามที่ถูกกล่าวอ้าง วอนขอลูกคืน ไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะดูแลได้ ซัดสามีใหม่ของอดีตภรรยาติดเหล้าหนัก ถึงขั้นกินเหล้าแทนน้ำ
หลังจากสื่อโซเชียลได้แชร์เรื่องราวความรักของ นายบุญมี ขันทอง อายุ 37 ปี หรือ “พี่มีมี่” ชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาผิดปกติ เป็นปานที่บริเวณแก้ม และริมฝีปากห้อย แต่มีแฟนสาวหน้าตาดีชื่อ น.ส.ภัสสรา อบนาค อายุ 23 ปี พร้อมภาพพิธีแต่งงานผูกข้อมือ ซึ่งจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายชาย เลขที่ 52 บ้านหนองเทพใหญ่ ต.ณรงค์ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา จนสร้างความฮือฮาในความรักของทั้งคู่ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ และหลายคนแสดงความคิดเห็นว่าเป็นบุพเพสันนิวาส และหลายคนถึงกับต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นค่ารักษานายบุญมี ให้กลับมามีใบหน้าที่ดูดีขึ้น
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่ภาพความหวานชื่นของทั้งคู่โด่งดังในโลกโซเชียล กลับมีชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นสามีของ น.ส.ภัสสรา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “คนเล่นนกกรงหัวจุก” ระบุว่า เป็นการพรากลูกพรากเมีย เนื่องจาก น.ส.ภัสสรา ยังไม่ได้เลิกกับตนเอง แต่หนีไปอยู่กินกันพร้อมกับลูกสาวอีก 1 คน
ล่าสุด นายเจริญรัตน์ ลิ่มเจริญ อายุ 31 ปี หรือธง อดีตสามีของ น.ส.ภัสสรา หรือบี พนักงานรักษาความปลอดภัยของสถานประกอบการแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ได้ออกมาเปิดใจต่อผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก หลังจากที่ถูกอดีตภรรยาออกมาบอกว่า สาเหตุที่ต้องหอบผ้าหอบลูกไปแต่งงานกับชายคนใหม่ เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย และตนเองติดการพนันงอมงอม และไม่ดูแลลูกเมียจึงต้องหนีไป
โดย นายเจริญรัตน์ ยืนยันว่า ตลอดเวลาที่อยู่กินกันมาเกือบ 8 ปี และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ไม่เคยทำร้ายร่างกายน้องบี แม้แต่ครั้งเดียว ตั้งใจทำงานเลี้ยงดูครอบครัวมาตลอด แต่ยอมรับว่ามีบ้างที่ไปเล่นการพนัน เช่น วัวชน หรือมวย แต่ก็เล่นเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ติดการพนันจนไม่สนใจลูกเมีย
แต่ระยะหลังครอบครัวเริ่มมีปัญหา หลังจากที่ภรรยาไปทำงานที่ร้านส้มตำใน อ.หาดใหญ่ และกลับบ้านดึกๆ ตนจึงไปตามกลับด้วยความโมโห จึงมีการกระชากแขนกันบ้าง หรือเงื้อมือจะตบด้วยความโมโห แต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือ และที่หนักสุดคือ ช่วงหลังตนทำงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืน ภรรยาก็พาลูกไปนอนค้างที่ร้านทั้งคืน และไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านเช่า และที่ร้านส้มตำแห่งนี้ก็เป็นร้านที่นายมีมี่ มาทำงานอยู่ เพราะเป็นร้านของพี่สาวนายมีมี่ ทั้งคู่จึงน่าจะสนิทสนมกัน และอาจจะมีความสัมพันธ์เกินเลยกันในช่วง 3 เดือนที่ไปทำงานอยู่ด้วย
นายเจริญรัตน์ บอกว่า ในวันที่ภรรยาพาลูกหายออกไปจากบ้าน เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ก็คิดว่าน้อยใจเรื่องปัญหาครอบครัว และคิดว่าไปอยู่กับญาติที่ จ.ตรัง เพราะไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย แต่มารู้อีกทีเมื่อวันที่ 15 เมษายน และถึงกับช็อกเมื่อเพื่อนส่งภาพภรรยากับนายมีมี่ ไปแต่งงานผูกข้อไม้ข้อมืออยู่กินด้วยกันที่บ้านของฝ่ายชายที่ จ.สุรินทร์ และกลายเป็นข่าวใหญ่โตถึงความรักของทั้งคู่ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จากรูปร่างหน้าตาของฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงที่แตกต่างกันมาก จนบางคนบอกว่า นี่คือบุพเพสันนิวาส และรักแท้ แต่ความจริงแล้วเป็นการพรากลูกพรากเมียคนอื่น ทั้งที่ตนกับภรรยายังไม่ได้เลิกรากัน
นายเจริญรัตน์ บอกว่า ขณะนี้ตนตกเป็นจำเลยของสังคมจากการให้สัมภาษณ์ของภรรยาว่า ตนเป็นคนไม่ดี ไม่ดูแลครอบครัว ทั้งที่ไม่เป็นความจริง แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขนาดนี้ ตนก็ต้องทำใจและยอมเลิกรา สิ่งเดียวที่ต้องการมากที่สุดขณะนี้ คือ ขอลูกสาวกลับมาเลี้ยงดูแลเอง เพราะไม่เชื่อว่าภรรยาจะเลี้ยงลูกได้ และแม่ รวมทั้งญาติพี่น้องตนก็เป็นห่วง ต้องการให้เอาหลานกลับมา ที่สำคัญนายมีมี่ เป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก เรียกว่ากินเหล้าแทนน้ำ และเคยถึงขั้นน็อกจากอาการลงแดงต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว จึงเป็นห่วงลูกสาวมาก และไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะเลี้ยงดูลูกสาวตนได้ และกลัวว่าลูกจะถูกภรรยาทำร้ายร่างกายเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้ง
ส่วนเรื่องที่ทั้งคู่จะไปใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันนั้นก็ยินดีด้วย เรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ขอให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ในใจลึกๆ ไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันได้ เพราะก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่กับตน ภรรยาก็เคยแอบคบหากับผู้ชายหลายคน แต่ตนก็ให้อภัยมาตลอดเพราะสงสารลูก และอยากจะขอร้องน้องบี อดีตภรรยาเลิกให้ร้ายตน เพราะทุกเรื่องที่พูดไม่เป็นความจริง ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่มีความสุขกับความรักที่ดูเหมือนบุพเพสันนิวาส และเป็นรักแท้ แต่ตนกลับเป็นผู้ถูกประณามจากสังคม ว่า เป็นผู้ชายที่ขาดความรับผิดชอบ